Instant Messaging ขึ้นแท่นเครื่องมือสื่อสารตัวใหม่แทน “อีเมล”

อีเมลเตรียมยกบัลลังก์ด้านการเป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับการทำงานให้กับน้องใหม่มาแรงอย่าง Instant Messaging ได้แล้ว หลังมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีภายในองค์กรต่าง ๆ พบว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารเหล่านั้นมองว่า อีเมลน่าจะมีความสำคัญในระบบการทำงานได้ถึงแค่ปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563 เท่านั้น จากนั้น ยุคของการส่งข้อความแบบทันทีทันใดหรือ Instant Messaging จะเข้ามาแทนที่

อีเมลที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการทำงานมานานหลายทศวรรษ แต่ถึงตอนนี้ คู่แข่งคนสำคัญของอีเมลอย่าง Instant Messaging ได้เริ่มทวีความฮอตมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว โดยผลการสำรวจจากโรเบิร์ต ฮาล์ฟ เทคโนโลยี เผยว่า ภายในปี 2020 บรรดา CIO จะเริ่มมองอีเมลว่าไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุดในการสื่อสารแล้ว แต่จะเปลี่ยนเป็นบริการประเภท Instant Messaging แทน (31 เปอร์เซ็นต์) โทรศัพท์ (19 เปอร์เซ็นต์) วิดีโอคอนเฟอเรนส์ (16 เปอร์เซ็นต์) และโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบเป็นการภายใน (12 เปอร์เซ็นต์)

สำหรับคำถามเดียวกัน หากนำไปถามพนักงานพบว่า พนักงานเห็นว่าบริการอย่าง Instant Messaging ควรใช้ในการสื่อสารแทนอีเมลเช่นกัน โดยมีคนตอบข้อนี้ถึง 52 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาจึงเป็นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (23 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งจะเห็นได้ว่าพนักงานเองพร้อมที่จะโบกมือลาอีเมลเร็วกว่าบรรดาซีอีโอเสียอีก

ส่วนสาเหตุที่ Instant Messaging กลายเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจนั้น เป็นเพราะ 76 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ได้รับข้อความจากช่องทางนี้ จะรู้สึก “กดดัน” ให้ต้องตอบอย่างรวดเร็ว ขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า พวกเขาคาดหวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องตอบกลับมาแบบทันทีทันใดด้วย

ปัญหาที่อาจสะกัดการนำ Instant Messaging ไปใช้ในวงกว้างก็คือ การที่ส่งข้อความไปแล้วอีกฝ่ายอยู่ในภาวะไม่สะดวกตอบ หรือกำลังยุ่งอยู่นั่นเอง โดยมีผู้รับถึง 30 เปอร์เซ็นต์ที่รู้สึกรำคาญ และมี 29 เปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่ายอมรับได้หากสิ่งที่ส่งมาทาง Instant Messaging นั้นมีความสำคัญ ส่วนอีก 41 เปอร์เซ็นต์บอกว่ารู้สึกเฉย ๆ

โดยกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เป็นกลุ่มที่รำคาญกับ Instant Messaging มากที่สุด ที่ 38 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็น Gen X ที่ 36 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มมิลเลนเนียล 23 เปอร์เซ็นต์

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000111948