SORKON โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ทำกำไรสุทธิ 37.7 ล้านบาท หลังจากมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้ดี ทำให้ยอดขายของธุรกิจอาหารแปรรูปและ QSR ดีขึ้น และการบันทึกกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนในการขายของสินทรัพย์ชีวภาพ หนุน 9 เดือนทำกำไรสุทธิพุ่ง 72% ด้านผู้บริหารประเมินมาตรการช้อปช่วยชาติ หนุนบรรยากาศการซื้อสินค้าโค้งสุดท้ายปลายปีคึกคัก ดันภาพรวมรายได้ปีนี้เติบโต 9% ตามเป้า
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 (กรกฎาคม–กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 690.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 658.5 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปเติบโตขึ้น 4.0% หรือมียอดขายรวม 583.6 ล้านบาท และธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นถึง 24.9% หรือมียอดขายรวม 41.8 ล้านบาท เนื่องจากการขยายแฟรนไชส์ การเพิ่มช่องทางการให้บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน และการจัดรายการส่งเสริมการขายร่วมกับธนาคาร ทำให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการสูงขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยทำได้ 37.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291.0 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 9.6 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 94% มาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และ ประมาณ 6% มาจากการบันทึกกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายสินทรัพย์ชีวภาพ จึงส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เติบโตได้ดี
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก (มกราคม–กันยายน) ของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,058.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,952.7 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 72.1% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 103.5 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 60.1 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ประมาณ 66% เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และการบันทึกการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายสินทรัพย์ชีวภาพประมาณ 34%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SORKON กล่าวว่า ส่วนภาพรวมธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าจะคึกคักมากขึ้น หลังจากที่ภาครัฐมีออกมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ซึ่งส่งผลบวกต่อบรรยากาศการซื้อสินค้า โดยบริษัทฯ ประเมินว่ากลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์ แซ่บ คลาสสิก และร้านข้าวขาหมูยูนนาน จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวและทำให้ยอดขายของกลุ่มธุรกิจ QSR เติบโต 35% ได้ตามแผนที่วางไว้ ส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้ในปีนี้ที่วางเป้าเติบโต 9%