จากแนวคิดของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมนโยบายประชารัฐ โดยให้รัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำงาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เครือสหพัฒน์ ซึ่งต้องการเห็นประเทศไทยเข้มแข็งอย่างยั่งยืน จึงได้ขานรับนโยบายดังกล่าวโดยสนับสนุนให้บริษัทในเครือร่วมใจกันทำโครงการ เครือสหพัฒน์ ประชารัฐร่วมใจ ทั้งทางด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพและประชารัฐเพื่อสังคม และล่าสุดยังได้จัดงานเครือสหพัฒน์ ประชารัฐร่วมใจ ขึ้นที่โครงการเกษตรพอเพียง ดร.เทียม โชควัฒนา จังหวัดลำพูน โดยนำผลงานต่างๆ มาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้มาศึกษาวิธีคิดและรายละเอียด เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาชุมชนของตนเอง
“บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำโครงการประชารัฐผ่านโครงการต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา เกษตร สาธารณสุข พลังงาน พัฒนาสังคม แรงงาน คมนาคม ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการจนประสบความสำเร็จแล้วกว่า 20 โครงการ งานนี้จึงเป็นการประกาศความสำเร็จของโครงการเครือสหพัฒน์ ประชารัฐร่วมใจ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนในฐานะตัวแทนภาครัฐ รวมทั้งตัวแทนจากชุมชน ประชาชนในจังหวัดลำพูน และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน ซึ่งนับเป็นการแสดงพลังความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชนอีกครั้ง” นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าว
สำหรับโครงการที่นำมาจัดแสดงในงานมีทั้งสิ้น 11 โครงการ ได้แก่ โครงการ เกษตรพอเพียง จากสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง, โครงการ Sahapat Admission จากสหพัฒนพิบูล, โครงการ สถานศึกษาต้นแบบทวิภาคี สานพลังประชารัฐ จากไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล, โครงการ 80/28 Oral Health Promotion and Prevention จากไลอ้อน (ประเทศไทย), โครงการ ประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยมะเร็งเต้านมเพื่อชุมชน จากไทยวาโก้, โครงการ สีสันแห่งชีวิตใหม่ ผู้หญิงคิดบวก จากอินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์, โครงการ เย็บถุงผ้ามูลนิธิพระดาบสช่วยลดโลกร้อน จากธนูลักษณ์, โครงการ Science on Mobile จากเอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์, โครงการ สานพลังประชารัฐ พัฒนาความรู้ สู่เส้นทางสายวิชาชีพ จากโอซีซี, โครงการ ชีวมวลสร้างงาน สานพลังประชารัฐ จากสหโคเจน (ชลบุรี) และโครงการ Security by Secom จากรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม
นอกจากนี้ แต่ละบริษัทยังจัดกิจกรรมพิเศษ เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและสอนตรวจเต้านมด้วยตัวเอง, สาธิตแต่งหน้าและแจก Gift Voucher เครื่องสำอางบีเอสซี, สอนการเย็บถุงผ้าและแจกถุงผ้า, สาธิตการปักชำต้นไม้โตเร็ว แจกกล้าไม้และวัสดุผสมดินปลูกจากเถ้าชีวมวล, แจกคู่มือสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยติวเตอร์ชั้นนำจากโครงการ Sahapat Admission และยังมีบูธมาม่ามาชงชิมให้รับประทานฟรี รวมทั้งมีการจำหน่ายสินค้าชุมชน เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างรายได้และเป็นโอกาสที่จะได้ประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า “โครงการเครือสหพัฒน์ ประชารัฐร่วมใจ เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อชุมชนอย่างมาก กิจกรรมต่างๆ ล้วนก่อให้เกิดความร่วมมือของทั้ง 3 ภาคส่วน คือ รัฐ เอกชน และประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมตรวจมะเร็งเต้านม กิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก และกิจกรรมที่ส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชน ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ก่อให้เกิดโครงการดีๆ แบบนี้”
ทางด้าน นายวิญญู สันติวิวัฒนา ศึกษาธิการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า “โรงเรียนวัดหนองซิวได้ใช้พื้นที่ของเครือสหพัฒน์ สำหรับสอนการปลูกข้าว เลี้ยงปลา ปลูกไผ่ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิถีชิวิตของเกษตรกร และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ ซึ่งผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ได้นำไปเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน และจำหน่ายให้กับชุมชน ทำให้นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน ซึ่งต่อมาโรงเรียนได้ร่วมกับโครงการเกษตรพอเพียง ดร.เทียม โชควัฒนา เพื่อให้กิจกรรมนี้เป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน เปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ เข้ามาศึกษาดูงาน ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายความรู้ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น”
นายจรูญ พยาเทพ หนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรพอเพียงของสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) บอกว่า “หมู่บ้านของเราได้รับการสนับสนุนจาก SPI ให้รวมกลุ่มกันทำข้าวอินทรีย์โดยใช้ชื่อกลุ่มข้าวปลอดภัย ตำบลป่าสัก มีสมาชิกประมาณ 30 คน ซึ่ง SPI ได้เข้ามาช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปัจจัยการผลิต รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการทำน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ทำให้ได้ผลผลิตที่ดีกว่าต่างคนต่างทำ ชาวบ้านมีอาชีพ มีความรู้ และสามารถปลูกข้าวอินทรีย์ที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาด หลังจากนี้ ทางกลุ่มและ SPI มีแผนที่จะร่วมกันทำแบรนด์ ทำตลาด และพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะทำให้กลุ่มของเรามีความเข้มแข็งมากขึ้น”
ส่วนตัวแทนจากชุมชนที่นำสินค้ามาจำหน่ายในงาน นายวิริทธิ์พล ใจยะสัน กล่าวว่า “ชุมชนได้มีการผลิตกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ออกจำหน่าย ซึ่งปกติจำหน่ายอยู่ในชุมชนและบริเวณใกล้เคียง การที่เครือสหพัฒน์เปิดให้ชุมชนนำสินค้ามาจำหน่ายในงานนี้ทำให้เราได้เจอผู้ซื้อมากขึ้น นอกจากจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนที่มาร่วมงานได้รู้จักสินค้าของเรามากขึ้นด้วย รวมทั้งยังเกิดการแนะนำบอกต่อ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะทำให้เรามีโอกาสที่จะขยายตลาดได้มากขึ้น”
ทางด้าน นางรัตนา กาวี ประชาชนที่มาร่วมชมงาน บอกว่า “ทราบข่าวว่าในงานนี้จะมีโครงการประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยมะเร็งเต้านมเพื่อชุมชน มีพยาบาลมาให้บริการการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และสอนให้เราตรวจเต้านมด้วยตัวเอง จึงเดินทางมาร่วมงานและเข้ารับการตรวจ เพราะคิดว่าถ้ารู้อะไรล่วงหน้าเกี่ยวกับสุขภาพของเรา ก็จะได้ดูแล ป้องกัน หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ นอกจากมาใช้บริการตรวจเต้านมแล้ว ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับการเกษตร และโครงการอื่นๆ ที่นำมาจัดแสดงด้วย ซึ่งนับว่ามีประโยชน์มาก”