MERC CORP ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ ผนึกกำลังพันธมิตร KM LAND GROUP ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ดำเนินงานโครงการ Millionaire Fast-lane II หรือ “ทางสายด่วนชวนเป็นเศรษฐี” ครั้งที่ 2 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยรุกหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตในตลาดอาเซียนได้อย่างเต็มศักยภาพ
ดร.ภาณุ บุญสมบัติ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เมอร์คคอร์ป กล่าวว่า ด้วยMERC CORP เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทพัฒนาที่ดินในทวีปเอเชีย และประเทศออสเตรเลีย ในด้านห้างสรรพสินค้า รูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในต่างประเทศตลอดจนเป็นที่ปรึกษาทางด้านการขายและการตลาด โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย ที่ในขณะนี้มีความต้องการสินค้าและบริการจากประเทศไทย ร้านอาหารไทย ในรูปแบบ STAND ALONE, MAGNET ZONING, SPECIALTY STORE,CONCEPT STORE และ TRADE CENTER เป็นต้น
การแข่งขันของธุรกิจไทยในปัจจุบันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจไทยที่จะแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ ๆ ในต่างประเทศ และปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ต่างชาติมีความต้องการสินค้าไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน ด้วยเหตุนี้จึงจัดตั้งโครงการ MILLIONAIRE FAST-LANE ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลสินค้าจากผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการนำสินค้าออกสู่ตลาดโลก ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และสมาคมที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เช่น สสว. สมาคมเอส เอ็ม อี สมาคมแฟรนส์ไชส์ ศูนย์รวมสินค้า OTOP และสมาคมหอการค้าไทย ในการเปิดช่องทางให้เข้าถึงข้อมูลของสมาชิกของแต่ละภาคส่วนเพื่อนำเสนอกิจกรรมและช่องทางการตลาดของโครงการฯ โดยล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตร KM LAND GROUP ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ในการขยายธุรกิจไทยสู่ ONE KESAS ศูนย์ค้าส่งสินค้าไทยแห่งแรกในมาเลเซีย นับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ด้าน MR. ONG SHAU SOO CHIEF EXECUTIVE OFFICER KM LAND GROUP กล่าวว่า KM LAND GROUP บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันได้ดำเนินงานโครงการ ONE KESAS ซึ่งเริ่มจากความต้องการสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อการค้าส่งสินค้าไทยโดยเฉพาะ เนื่องด้วยความนิยมสินค้าไทยในประเทศมาเลเซียมีสัดส่วนที่สูงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอาหารแห้ง ขนมอบกรอบ เครื่องปรุงรส สินค้าหัตถกรรม สินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สปาที่ผลิตจากสมุนไพรไทย รวมถึงสินค้าแฟชั่น เป็นต้น เรียกได้ว่า ONE KESAS เป็นเสมือนโชว์รูมขนาดใหญ่สำหรับสินค้าไทยอย่างถาวรและเต็มรูปแบบ รองรับด้วยร้านค้ามากกว่า 200 ร้านค้า นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนและจัดการด้านการตลาดทั้งทางออนไลน์ และ ออฟไลน์ พร้อมทั้งการจัดการด้านงานขาย ตลอดจนการจัดหาตัวแทน จัดจำหน่ายอีกด้วย
“ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นตลาดที่สินค้าไทยมีศักยภาพสูง ด้วยมูลค่าส่งออกของไทยไปมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นจาก 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2552 เป็น 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2556 หรือขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 11 ต่อปี ส่งผลให้ปัจจุบันมาเลเซียก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของไทยในอาเซียน และเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 5 ของไทยในโลก ขณะที่การค้าระหว่างไทยและมาเลเซียยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในระยะถัดไป เนื่องจากเศรษฐกิจมาเลเซียมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดย EIU คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.8 ในปี 2556 เป็นเฉลี่ยร้อยละ 5.4 ต่อปี ในช่วงปี 2557-2561 ซึ่งจะเกื้อหนุนกำลังซื้อของชาวมาเลเซียที่มีจำนวนราว 30 ล้านคน โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จาก 10,650 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2556 เป็น 16,070 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าผู้ประกอบการไทยจะสร้างรายได้มหาศาลจากประเทศศักยภาพได้อย่างแน่นอน”
โครงการ “MILLIONAIRE FAST-LANE II ONE KESAS” จึงเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการลุยสนามเพื่อขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ สู่การกระจายสินค้าในตลาดอาเซียนได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น สินค้าในความนิยมอย่างสินค้าที่เกี่ยวกับนวัตกรรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อม (SMART IS THE NEW GREEN) นวัตกรรมสู่ความเป็นศูนย์ และส่งเสริมธุรกิจที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะ SMEs ที่พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงปัจจัยที่ส่งเสริมสุข ซึ่งได้รับกระแสนิยมอยู่ในขณะนี้ จะสามารถเติบโตในตลาดอาเซียนได้ระยะยาว” ดร.ภาณุ บุญสมบัติ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 081-330-3322 และ 083-083-7023