BEAUTY สวยได้อีก โชว์ผลงานปี 2560


รายได้-กำไรทุบสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปีตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ กวาดรายได้ 3,735.37 ล้านบาท โต 45.98 % กำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท โต 87.39 % กำไรไตรมาส 4 โตกระฉูด 129.62 % พร้อมจ่ายปันผลงาม 0.408 บาท/หุ้น คิดเป็น 99.70% ของกำไรสุทธิ ทุ่มงบลงทุน 120 ล้านบาท ขยายสาขาและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทุกรูปแบบ พร้อมพัฒนาระบบ Business Intelligent เพิ่มศักยภาพปั๊มยอดขาย รองรับการเติบโต


นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลประกอบการ ปี 2560 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นและเป็นการทำสถิติผลประกอบการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,735.37 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,558.84 ล้านบาท จำนวน 1,176.53 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.98 % และมีกำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 656 ล้านบาท จำนวน 573.31 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 87.39%

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,095.91 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 701.81 ล้านบาท จำนวน 394.09 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 56.15% และมีกำไรสุทธิ 408.29 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 177.81 ล้านบาท จำนวน 230.48 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 129.62%


สำหรับผลประกอบการของ BEAUTY มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศและลูกค้าชาวต่างชาติ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายในทุกช่องทางปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปี 2560 มีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sale Growth ) ถึง 20.52 % อีกทั้งมีการขยายสาขาครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ


โดย ณ สิ้นปี 2560 มีสาขาในประเทศทั้งหมด 345 สาขา และสาขาในต่างประเทศที่เป็น Indepent shop จำนวน 16 สาขา , Counter Sales จำนวน 10 จุดจำหน่าย และ Shop in shop จำนวน 131 จุดจำหน่าย อีกทั้งมีการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี


นพ.สุวิน กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.70% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% หรือ คิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.258 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 775.25 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.15 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 95.26% ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 450.41 ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2560 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.408 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 1,225.66 ล้านบาท หรือ 99.70% ของกำไรสุทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 (เข้าขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายน 2561 )


ส่วนแนวโน้มการเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 4,290 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่งบลงทุนอยู่ที่ 120 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนเปิดสาขาใหม่จำนวน 80 ล้านบาท และนำไปใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและ Business Intelligence (BI) จำนวน 40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขายและลูกค้าทุกช่องทาง ให้ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูลในเชิงลึกในการมอนิเตอร์และจัดกลยุทธ์การทำการตลาด การขาย และ CRM ให้เกิดความได้เปรียบสูงสุดในการดำเนินธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย รองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต