โอซีเอส กรุ๊ป ประเทศไทย ครบรอบ 50 ปีตั้งเป้าครองแชมป์ “IFM”


ครบรอบ “50ปี เครือโอซีเอส กรุ๊ป” ในประเทศไทย ฉลองความสำเร็จด้วยการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร (Integrated Facilities Management : IFM ) โดยการพัฒนานวัตกรรมการทำงานรูปแบบใหม่เน้นความพึงพอใจสูงสุดเป็นสำคัญ พร้อมขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ


กิตติ นครชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด ในเครือโอซีเอส กรุ๊ป กล่าวว่า “โอซีเอส กรุ๊ป คือผู้ให้บริการบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร (IntegratedFacilities Management :IFM) จากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ชำนาญการในด้านต่างๆ ที่ประกอบด้วย การบริการทำความสะอาด บริการด้านโภชนาการ บริการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร บริการกำจัดแมลง บริการดูแลสวน บริการตรวจนับสินค้า บริการซ่อมแซมอาคารและบริการสุขอนามัยภัณฑ์ บริการเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แต่ละองค์กร ให้สามารถดำเนินธุรกิจของท่านได้อย่างเต็มที่ โดยโอซีเอสเป็นผู้ให้บริการแบบเอาท์ซอร์ส มีองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยประสบการณ์มากว่าร้อยปี ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการให้บริการอย่างเป็นระบบที่สมบูรณ์ และเครือข่ายที่พร้อมให้บริการลูกค้าทั่วโลก อาทิ ประเทศไทย สาธารณรัฐกัมพูชา เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย  บังคลาเทศ รวมทั้ง สิงค์โปร์ จีน และการ์ตา เป็นต้น โดยแบ่งลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจและอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้าและโรงแรม กลุ่มลูกค้าสถานศึกษา และกลุ่มสถานพยาบาล ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่ให้บริการ 6,000 รายทั่วประเทศ เฉพาะในประเทศไทยมีพนักงานจำนวนมากกว่า 3 หมื่นคน และมีพนักงานทั่วโลกกว่า 9 หมื่นคน


IFM เบื้องหลังความสำเร็จของหลากหลายธุรกิจ


การบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร (IFM) เป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการดูแลอาคารสถานที่ จากเดิมที่เป็นเพียงแค่ Facility Service ซึ่งจะเป็นเพียงการให้บริการในแต่ละส่วนงานการบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร ถือเป็นการบริหารจัดการอาคารที่เป็นการบริหารทรัพยากร ซึ่งครอบคลุมไปถึงการวางแผนควบคุม ประเมินผล รวมทั้งการจัดระบบฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในแต่ละด้านเพื่อให้อาคารนั้นๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด เรียกว่าเป็นงานที่อยู่เบื้องหลังหรือเป็นเงาของภาคธุรกิจก็ว่าได้


IFM เป็นผู้ที่ควบคุมดูแลทุกบริการที่จำเป็นสำหรับที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน สถานพยาบาล สถานศึกษา โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นต้องมี เช่น การบริการทำความสะอาด บริการด้านโภชนาการ บริการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร บริการกำจัดแมลง บริการดูแลสวน บริการตรวจนับสินค้า บริการซ่อมแซมอาคาร (วิศวกรรมอาคาร)และบริการสุขอนามัยภัณฑ์ ซึ่งธุรกิจประเภทนี้เกิดขึ้นมากมายส่วนใหญ่ก็มีการจัดจ้างบริษัทที่ให้บริการแต่ละประเภทจากหลายๆ แห่ง แต่โอซีเอสให้บริการครอบคลุมทั้งหมด


ธุรกิจ IFM แนวโน้มสดใส อานิสงส์การเปิด AEC และ EEC


สำหรับตลาดการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจร ทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากองค์กรทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดการแบบองค์รวม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและทรัพยากรในด้านต่างๆ ลงได้ โดยตลาดการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจรในประเทศไทย ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมหลายหมื่นล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่าปีละ 5% เนื่องจากการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม สถานพยาบาล และศูนย์การค้าโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ EEC แน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจ IFM เติบโตตามไปด้วย


ตราบใดที่งานทำความสะอาด งานรักษาความปลอดภัย และงานวิศวกรรมอาคาร M&E (Mechanical and Electrical) รวมถึงการดูแลสาธารณูปโภคภายในองค์กรหรืออาคาร ยังเป็นความต้องการสำคัญต่อธุรกิจ นั่นก็หมายถึงเครือโอซีเอสที่จะขยายตลาดให้เติบโตมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาการบริการบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร (IFM) ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าอย่างสูงสุด


ผลการประกอบการที่ผ่านมา


แม้จะมีผู้ที่ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกันนี้มากมาย ขณะที่มีผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ประมาณ 10 ราย มีทั้งบริษัทข้ามชาติและบริษัทของคนไทย ซึ่งเครือโอซีเอส กรุ๊ป คือผู้นำการบริหารจัดการอาคารในระดับสากลแบบครบวงจร (IFM) แม้ผลประกอบการภาพรวมในปี 2017 ถือว่าไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ ซึ่งเติบโตเพียง 8-9% สาเหตุมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว จากก่อนหน้านี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่บริษัทเติบโตอย่างมากมาตลอด โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะกลับมาเติบโตไม่ต่ำกว่าตัวเลขสองหลักได้แน่นอน เพราะเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น และอีก 2-3 ปีนี้น่าจะครองแชมป์ธุรกิจได้ไม่ยาก” กิตติ นครชัย กล่าวทิ้งท้าย