เปิดสถิติการสัญจรทางน้ำ พร้อมพาชม 7 แลนด์มาร์คนั่งเรือเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา


ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การคมนาคมทางน้ำบริเวณเลียบสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ที่เริ่มต้นตั้งแต่ท่าน้ำนนท์ไปจนถึงท่าเรือสาทรนั้น มีแนวโน้มของผู้ใช้บริการเรือโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคโดยรวม โดยเฉพาะการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสำคัญต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับเส้นทางเดินเรือ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนในสังคมใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น


ซึ่งจากสถิติของกรมเจ้าท่านั้น ก็แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้โดยสารเรือด่วนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาเฉลี่ยต่อวัน จำแนกตามท่าเรือที่มีคนใช้บริการมากที่สุด 10 อันดับแรก ปี 2560 มีดังนี้

โดยลักษณะการสัญจรจะมีวัตถุประสงค์เพื่อการเดินทางไปทำงานมากกว่าท่องเที่ยว ช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารเยอะที่สุดคือ 06.00-08.00 น. และ 16.00-19.00 น. สังเกตได้ว่า 10 อันดับท่าเรือที่มีคนใช้งานจำนวนมากจะเป็นท่าเรือที่สามารถเดินทางได้ง่าย เชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพฯ ซึ่งแนวโน้มของการสัญจรทางน้ำตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมามีแน้วโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ความนิยมจากการสัญจรทางน้ำของคนในสังคมเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าระบบการคมนาคมทางเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นั้นก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างที่เราหลายคนคาดหวัง หลายภาคส่วนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้วางแผนเพื่อพัฒนาพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยาให้สวยงามขึ้นเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีและช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกทาง


ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวสำคัญริมน้ำ ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งวันโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งรถยนต์ แบบที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคสมัยนี้ โดยในแต่ละที่จะเป็นการปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบให้ใช้ประโยชน์ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวและพักผ่อน ด้วยรูปแบบการพัฒนาที่ยังคงอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อีกทาง สถานที่ที่น่าสนใจเหล่านี้จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย

  1. ท่ามหาราช

จุดนัดพบแห่งใหม่ของไลฟ์สไตล์บนถนนมหาราช ตั้งอยู่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ที่อุดมไปด้วยศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน รวมถึงร้านอาหารอร่อยที่มีประวัติอันยาวนานมากมาย คอนเซ็ปต์ของโครงการท่ามหาราชอยู่ภายใต้แนวความคิดของ riverside eatery, urban oasis, art & culture market โดยใช้กลุ่มอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ดั้งเดิม และเปิดเป็น riverside walk ให้ผู้คนได้เข้าถึงแม่น้ำมากขึ้น เป็นสถานที่ทานข้าว นั่งชิลริมนํ้า เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจและสัญจรทางน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไป

  1. ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค

สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนี่ยลที่ภายในตกแต่งโดยมียุคสมัยแห่งราชธานีของประวัติศาสตร์ไทยเป็นแรงบันดาลใจ มีระเบียงทางเดิน เลียบแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาวถึง 300 เมตร ไม่เพียงแนบชิด ทิวทัศน์ริมแม่น้ำได้อย่างแท้จริง ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษที่สามารถเชื่อมต่อกับอาคารอื่นๆในโครงการอันได้แก่ ตลาดยอดพิมานกับปากคลองตลาดอีกด้วย

  1. ล้ง 1919

แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ย่านคลองสาน กรุงเทพฯ สถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นท่าเรือมาก่อน โดยคำว่า “ล้ง” มาจากชื่อเดิมคือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” เป็นภาษาจีน หมายถึง “ท่าเรือกลไฟ” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2393 โดยท่าเรือนี้มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร ตั้งอยู่ ณ สุดถนนเชียงใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับย่านตลาดน้อย – เยาวราช เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนว Heritage ที่โดดเด่นด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันสำคัญของชาติ

  1. River City

ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยู่ใกล้กับโรงแรมชั้นนำระดับห้าดาว เช่น โอเรียลเต็ล, เพนนินซูลา, แชงกรีลา, รอยัลออคิด เชอราตัน และ มิลเลนเนียม ฮิลตัน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถและทางเรือ ตัวอาคารได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านการออกแบบในปี พ.ศ.2527 จากนั้นปี พ.ศ.2543 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ได้เพิ่มบริเวณ Antique Arcade บริเวณชั้น 1 อาคารจอดรถ เป็นศูนย์รวมร้านค้าแอนทีค

5.ICONSIAM

อภิมหาโปรเจกต์ ในการเนรมิตรสถานที่ที่จะดึงดูดคนไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รวบรวมทุกสรรพสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย สินค้าและบริการที่ครบครัน นวัตกรรมในการอำนวยความสะดวกสบายและการสื่อสารที่ล้ำยุคอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไอคอนสยามจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชาวโลกชื่นชมให้สว่างไสวไปทั่วโลกอีกครั้ง

  1. TCDC

ด้วยความเชื่อที่ว่า “ผลงานการออกแบบไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากรากฐานทางวัฒนธรรมและการสั่งสมทางปัญญาของสังคม” TCDC ก่อตั้งขึ้นเพื่อผนวกความเก่งฉกาจของสังคมและวัฒนธรรมไทยเข้ากับความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็น “มหรสพทางปัญญา” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ผ่านกระบวนการให้ความรู้แบบสากล ตั้งแต่การจัดนิทรรศการ การบรรยาย สัมมนาเชิงปฏิบัติการ ไปจนถึงการเป็นแหล่งค้นคว้าที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิงเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ที่หลากหลายมิติ อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ

  1. หอชมเมือง

และอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่จะพลาดไม่ได้ นั่นก็คือโปรเจกต์การสร้างหอชมเมืองขึ้นมาเพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศให้อยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เฉกเช่นเดียวกับหอไอเฟล ที่ฝรั่งเศส, โตเกียว สกายทรี ที่ญี่ปุ่น, แคนตันทาวเวอร์ของจีน หรือแม้กระทั่ง หอคอย เคแอล ทาวเวอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ฯลฯ ถ้าดูจากสเปคความสูงที่ 459 เมตรนั้น เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะทำให้หอชมเมืองกรุงเทพมหานคร กลายเป็นหอชมเมืองที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลกเลยทีเดียว แน่นอนว่าหอชมเมืองแห่งนี้จะเป็นโปรเจกต์แม่เหล็กช่วยหนุนการท่องเที่ยวเลียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่แค่เฉพาะย่านคลองสานเท่านั้น แต่รวมไปถึงการสัญจรทางน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรวมให้คึกคักอีกทางหนึ่งด้วย


หากเบื่อหน่ายกับการจราจรที่ติดขัดในเมืองกรุง ลองสละรถยนตร์มาเดินทางท่องเที่ยวแบบ Car free ชื่นชมความงดงามของสถานที่ต่างๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาดูบ้าง ก็เป็นอีกหนึ่งความคิดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


ข้อมูลเพิ่มเติม : รายงานการสำรวจความหนาแน่นผู้โดยสารเรือด่วนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ปี 2560 จากกรมเจ้าท่า  http://md.go.th/stat/images/pdf_report_stat/2560/express_boat60.pdf