นิสสันย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรม และความตื่นเต้นเร้าใจสู่ประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวนิสสัน จีที-อาร์ พรีเมียม อิดิชั่น 2018 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาประสบการณ์การขับขี่สไตล์ GT (แกรนด์ทัวริ่ง) และ R (เรซซิ่ง) โดยเฉพาะ
จีที-อาร์ จำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคา 13.5 ล้านบาท พร้อมการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรและการบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟโดยสยาม นิสสัน ทีเคเอฟ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นศูนย์บริการรถสมรรถนะสูงของนิสสันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย หรือ นิสสัน ไฮเพอร์ฟอร์มแมนซ์ เซ็นเตอร์ (Nissan High Performance Center) เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด จีที-อาร์ ผลิตที่โรงงานระดับโลกของนิสสันในเมืองโทชิกิ ประเทศญี่ปุ่น
“ผมมีความตื่นเต้นที่ได้นำเสนอรถซูเปอร์สปอร์ตที่มีความทันสมัย ประณีต และก้าวหน้าที่สุดเท่าที่นิสสันเคยผลิตมาสู่ประเทศไทย” มร.อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าว “นิสสันสามารถมอบนวัตกรรมและความตื่นเต้นเร้าใจเพื่อทุกคนอีกครั้ง เรานำลูกค้ามาเป็นหัวใจสำคัญในทุกๆ อย่างที่เราทำซึ่งเป็นเหตุผลที่นิสสันริเริ่มพัฒนารถซูเปอร์คาร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เราได้ยินเสียงเรียกร้องที่ดังกระหึ่ม และชัดเจนจากแฟนของนิสสันในประเทศไทยที่ต้องการรถระดับตำนานอย่าง จีที-อาร์”
จีที-อาร์ คือ ซูเปอร์สปอร์คาร์ตระดับตำนานของนิสสันที่ได้รับการพัฒนา และปรับแต่งระบบวิศวกรรมจากประสบการณ์กว่า 35 ปี ของนิสสันในการพัฒนารถแข่งในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก
นี่คือหนึ่งในรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก ตัวถังแบบแกรนด์ทัวริ่ง 2+2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ประกอบด้วยมือ ให้พละกำลังสูงสุด 555 แรงม้า ผ่านระบบเกียร์ซีเควนเชียลดูอัลคลัตช์ 6 สปีดที่ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ภายในเวลาชั่วพริบตา เพียง 0.15 วินาทีเมื่ออยู่ในโหมด R-Mode ถ่ายกำลังลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
มร. ฮิโรชิ ทามูระ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายผลิตภัณฑ์จีที-อาร์ของนิสสันกล่าวว่า “จีที-อาร์ มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ทำให้หัวใจของใครก็ตามที่เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเต้นแรงได้เสมอในทุกการเดินทาง เราผลักดันการพัฒนาสมรรถนะของรถรุ่นนี้จนถึงขีดสุด และจีที-อาร์รุ่นนี้มีพละกำลังมากกว่าที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังมีความประณีตมากขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์ขับขี่ทั้งหมดให้สูงขึ้นเป็นมาตรฐานใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอที่สุดแห่งรถสปอร์ต จีที (แกรนด์ทัวริ่ง) ให้แก่ลูกค้า จีที-อาร์ เพียบพร้อมทั้งสมรรถนะน่าอัศจรรย์ใจ ความสะดวกสบายที่เหนือชั้น และตำนานแห่งความสำเร็จจากสนามแข่งอันยาวนาน”
ลูกค้าสามารถเลือกสีภายในห้องโดยสารได้ 4 สี คือ Black Amber, Ivory, Saddle Tan และ Red Amber กับสีตัวถังภายนอกทั้ง 6 สี ได้แก่ Katsura Orange, Vibrant Red, Pearl Black, Gun Metallic, Pearl White และ Pearl Blue
นายปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์ กรรมการผู้จัดการของสยาม นิสสัน ทีเคเอฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นศูนย์บริการรถสมรรถนะสูงของนิสสันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ทีเคเอฟมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสำหรับรถยนต์ซูเปอร์คาร์มานานกว่า 12 ปี หลังจากได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทีเคเอฟได้ลงทุนเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงโครงสร้างศูนย์บริการใหม่ ให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ส่วนขาย และการบริการเพื่อรองรับการให้บริการสำหรับนิสสัน จีที-อาร์โดยเฉพาะ โดยมีเอ็กครูซีฟทีม อาทิ พนักงานฝ่ายขาย และช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมพิเศษพร้อมสำหรับดูแลลูกค้าจีที-อาร์ และรถอันทรงคุณค่าของพวกเขาโดยเฉพาะ”
คุณสมบัติสำคัญของนิสสัน จีที-อาร์ พรีเมียม อิดิชั่น 2018
- ล้อฟอร์จอัลลอยจากเรยส์ (Rays®) น้ำหนักเบาพิเศษ ซูเปอร์ไลต์เวต ขนาด 20 นิ้ว
- กระจังหน้า V-motion รุ่นใหม่ยกระดับแอโรไดนามิก
- ฝากระโปรงใหม่เพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก
- แผงดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าคาร์บอน แบบ เอสเอ็มซี (Carbon SMC) และแผงดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังคาร์บอนคอมโพสิทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก
- ดีไซน์ด้านหลังใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศ
- แผงแดชบอร์ดดีไซน์ใหม่พร้อมแผงมาตรวัดหุ้มหนังตัดเย็บด้วยมือ
- แผงควบคุม Display Command ใหม่บนคอนโซลกลางแบบคาร์บอนไฟเบอร์
- พวงมาลัยรุ่นใหม่พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
- หน้าจอกลางทัชสกรีนมัลติฟังค์ชั่นขนาด 8.0 นิ้ว
การออกแบบภายนอกที่ก้าวล้ำหน้า
สไตล์การออกแบบที่ปราดเปรียวของจีที-อาร์ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและการใช้งาน กระจังหน้า V-motion หนึ่งในเอกลักษณ์การออกแบบล่าสุดของนิสสันถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มการทำความเย็นเครื่องยนต์ โดดเด่นด้วยวัสดุโครเมียมแบบด้านและแพทเทิร์นโครงร่างตาข่าย ฝากระโปรงที่มีเส้นนำสายตาจากกระจังหน้าได้อย่างไร้ที่ติถูกเสริมความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
สปอยเลอร์ชิ้นล่างด้านหน้าทรงโค้งถูกขยายให้กว้างขึ้นเล็กน้อยและมีตำแหน่งต่ำลงไม่กี่มิลลิเมตรเพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศบริเวณมุมล่างของตัวรถ เสาหลังคาท้ายถูกปรับดีไซน์ใหม่ที่ส่วนบนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการไหลเวียนอากาศให้ดียิ่งขึ้น
ด้านหลังของจีที-อาร์ยังคงเอกลักษณ์ระดับตำนานด้วยไฟท้ายทรงกลม แผงดิฟฟิวเซอร์สีเงินและช่องรีดอากาศด้านข้างถูกติดตั้งเคียงข้างกับปลายท่อไอเสียไทเทเนียม 4 ชุดซึ่งช่วยเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
ห้องโดยสารตอบสนองการควบคุมของผู้ขับขี่
ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันของจีที-อาร์ 2018 มอบที่สุดแห่งความสะดวกสบาย ความหรูหราและการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว แผงควบคุมกลางถูกปรับปรุงใหม่และมีความเรียบง่ายยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยจำนวนสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงและระบบนำทางลดลงจาก 27 ชิ้นเหลือเพียง 11 ชิ้น หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วมีข้อมูลทุกด้านที่ผู้ขับขี่ต้องการในที่เดียวโดยแสดงผลด้วยไอคอนขนาดใหญ่บนหน้าจอเพื่อเพิ่มความง่ายดายให้ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบเครื่องเสียง การใช้โทรศัพท์ และฟังค์ชั่นอื่นๆ ในระบบอินโฟเทนเมนท์
เครื่องยนต์ผลิตด้วยมือ และระบบวิศวกรรมชั้นแนวหน้า
เครื่องยนต์วี6 ทวินเทอร์โบ 24 วาล์ว ความจุ 3.8 ลิตรที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพของจีที-อาร์ 2018 ผลิตในเมืองโยโกฮามาโดยฝีมือของทาคูมิ หรือ ช่างเทคนิคระดับมาสเตอร์ของนิสสัน มีพละกำลัง 555 แรงม้าที่ 6,800รอบต่อนาที แรงบิด 632 นิวตันเมตร ท่อไอเสียไทเทเนียมชุดใหม่ของจีที-อาร์ที่มาพร้อมระบบวาล์วแบบเปิดมอบเสียงคำรามที่เร้าใจและดุดันยิ่งขึ้น
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบซีเควนเชียล ดูอัลคลัตช์ 6 สปีดได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อการทำงานที่ไหลลื่นนุ่มนวลมากขึ้นและสมรรถนะที่ดีกว่าเดิมในสถานการณ์ขับขี่หลากหลายรูปแบบ
โช๊คอัพบิลสไตน์ แดมพ์โทรนิก (Bilstein® DampTronic) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งได้ 3 โหมดคือ Normal, Comfort และระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองระดับสูงสุดคือ R จีที-อาร์ มาพร้อมยางรันแฟลต ของดันลอป รุ่น เอสพี สปอร์ต แม็กซ์ จีที600 ดีเอสเอสที ซีทีที (Dunlop SP Sport Maxx GT 600 DSST CTT) สมรรถนะสูงระดับอัลตร้าที่รองรับแรงดันลมไนโตรเจนและออกแบบมาเพื่อการทำงานของช่วงล่างโดยเฉพาะ โดยมีขนาดยางมาตรฐานด้านหน้า 255/40ZRF20 และด้านหลัง 285/35ZRF20
ระบบเบรกเป็นของเบรมโบ (Brembo®) โมโนบล็อก แบบคาลิปเปอร์ 6 สูบที่ด้านหน้าและ 4 สูบที่ด้านหลัง พร้อมจานดิสก์เบรกของเบรมโบลอยตัวสองชิ้นแบบเจาะรูและเซาะร่องกลางจานขนาด 390 มม. ที่ล้อหน้าและ380 มม. ที่ล้อหลัง ทำงานคู่กับผ้าเบรกที่มีสมรรถนะและความทนทานสูงที่ช่วยลดอาการเบรกเฟดและมีประสิทธิภาพการหยุดรถอย่างมั่นใจ
“จีที-อาร์ได้รับการออกแบบเพื่อผู้บริโภคที่หลงใหลในสมรรถนะ ปรารถนาความตื่นเต้นเร้าใจจากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ตและเชื่อในความหรูหรา จีที-อาร์ทุกคันถูกผลิตขึ้นด้วยความพิถีพิถันสูงสุดแบบงานหัตถกรรมโดยสุดยอดช่างเทคนิคที่มีทักษะเป็นเลิศที่สุด ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ไม่เพียงได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นถึงรถระดับตำนาน” บาร์เตสกล่าว “จีที-อาร์ผลิตขึ้นด้วยความทุ่มเทเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดและความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่ารถซูเปอร์คาร์ที่แท้จริงต้องมีสมรรถนะเพื่อการใช้งานจริงสำหรับทุกคน ทุกที่และทุกเวลา สมรรถนะที่สมบูรณ์แบบและศักยภาพขั้นสูงสุดทำให้โลกยานยนต์ต้องหันมาให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้”
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2559 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.63 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.72 ล้านล้านเยน สำหรับในปีงบประมาณ 2560 นิสสันเริ่มดำเนินแผนงาน นิสสัน เอ็ม โอ วี อี (M.O.V.E.) มุ่งสู่ปี 2565 โดยภายใน 6 ปีวางแผนที่จะเพิ่มรายได้ประจำปีให้สูงขึ้น 30% หรือคิดเป็น 16.5 ล้านล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2565 โดยให้เกิดเงินสดไหลเวียนที่ 2.5 ล้านล้านเยน นอกเหนือจาก นิสสัน เอ็ม โอ วี อี (M.O.V.E.) มุ่งสู่ปี 2565 นิสสันยังมีแผนในการขยายความเป็นผู้นำในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมี นิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันมีพนักงานทั่วโลกจำนวน 247,500 คน ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ภายใต้พันธมิตร เรโนลต์ – นิสสัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ในปี พ.ศ. 2559 นิสสันได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิ จนได้เข้าร่วมพันธมิตรเป็นสมาชิกรายที่สาม ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันสูงระดับ 10 ล้านคันต่อปี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และการขนส่งเพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทาง nissan-global.com หรือ asia.nissannews.com, Facebook, Instagram, Twitter และ Linkedin พร้อมรับชมวีดีโอล่าสุดได้ที่ YouTube