บมจ. เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPPG ปลื้มกองทุนเอเชีย อัลฟ่า อิควิดตี้ ดึงพันธมิตรสมาคมการทําอาหารแห่งประเทศจีน (China Cuisine Association) หรือ CCA รุกธุรกิจอาหาร จัดทัพแบรนด์อาหารในเครือ เจาะตลาดอาหารในประเทศจีน ประเดิมโปรเจ็กต์แรกร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง แบรนด์ MIYABI ด้านประธานกรรมการบริหาร “ศุภจักร ไตรรัตโนภาส” มั่นใจในศักยภาพของ พาร์ทเนอร์ที่มีเครือข่ายร้านอาหารในประเทศจีนกว้างขวาง ตั้งเป้ารายได้ขาย master franchise ในหัวเมืองต่าง ๆ และค่า royalty fee ปีแรก 50- 100 ล้านบาท จากการเปิด franchise 50 แห่ง ในปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ-เฉิงตู- เซินเจิ้น -กวางเจา และจะทยอยเปิดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50 สาขาต่อปี หนุนรายได้ปี 61 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPPG เปิดเผยว่า ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจของ NPPG ใหม่ พร้อมดึงพันธมิตรกองทุน เอเชีย อัลฟ่า อิควิดตี้ ฟันด์1 จากประเทศสิงคโปร์ เข้ามาถือหุ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และยังเป็นผู้ดึงสมาคมการทำอาหารแห่งประเทศจีน China Cuisine Association หรือ CCA เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทฯในการการต่อยอดธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะ Franchise model ในประเทศจีน
ล่าสุดได้มีการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงทางธุรกิจกับ สมาคมการทำอาหารแห่งประเทศจีน China Cuisine Association หรือ CCA ซึ่งเป็นสมาคม ที่มี top 100 บริษัทจีนใน restaurant food and beverage ซึ่งมีเครือข่ายผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ทำ central kitchen และผู้ส่งวัตถุดิบ ทั่วประเทศจีน ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทชั้นนำ เช่น Cygnet, Ajisen Ramen, Kinghey, Meizhou dongpo group, ETC ซึ่งถือว่าเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีนซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะช่วยผลักดัน การขยาย Franchise และเครือข่ายร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
สำหรับรูปแบบการดำเนินการธุรกิจในประเทศจีนในครั้งนี้ จะมีการขยาย Franchiseไปทั่วประเทศจีน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ เฉิงตู เซินเจิ้น และ กวางเจา เป็นต้น โดยบริษัทฯจะนำแบรนด์ MIYABI ซึ่งเป็นอาหารสไตล์ปิ้งย่าง ไปให้เปิดบริการในร้านร่วมกับพันธมิตร พร้อมทั้งอาหารไทยสไตล์ อื่นๆ เข้าไปเพิ่มช่องทางจำหน่าย อาทิ ซีฟู้ด เครื่องดื่ม และอื่นๆเป็นต้น โดยตั้งเป้าเปิดร้านอาหารในปีแรก (2561) จำนวน 50 สาขา มูลค่าการลงทุนเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อสาขา และจะทยอยเปิดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50 สาขาต่อปี
“บริษัทฯจะมีการใช้ packaging technology เพื่อจัดสูตรการปรุงรสชาติอาหาร เพื่อควบคุม recipe ให้คงที่ในทุกๆ สาขา เพื่อเป็นการช่วยผู้ประกอบการ Franchise ในทุกๆ ด้าน เนื่องจาก NPPG มีประสบการณ์จากการผลิตอาหารให้กับเครือ CP อยู่แล้ว จึงสามารถทำในส่วนนี้ได้ชำนาญนอกจากนี้บริษัทจะร่วมมือกับ ผู้ประกอบการ central kitchen รายใหญ่ของจีน เพื่อสร้าง complete supply chain ให้กับผู้ประกอบการซึ่งมีการปรึกษากับรายใหญ่อยู่ชื่อ zongmeilian อีกด้วย” นายศุภจักร กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPPG กล่าวถึงความน่าสนใจของการเข้าไปขยายตลาดในประเทศของบริษัทฯในครั้งนี้ ว่า จากการได้มีการศึกษาตลาดอาหารในประเทศจีนพบว่า ร้านอาหารสัญชาติไทย อาหารญี่ปุ่น ในประเทศดังกล่าวถือว่ายังมีน้อยมาก จึงมองเห็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตได้สูง จากแผนการขาย Master Franchise ในหัวเมืองต่าง ๆ และค่า royalty fee จากยอดขายในแต่ล่ะเดือน ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนสัญญาตามความเหมาะสม โดยจากแผนการขาย Master Franchise ในปีแรก จำนวน 50 สาขา คาดว่าจะทำรายได้ให้กับบริษัทฯในปีนี้ประมาณ 50-100 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทฯมีความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเอเชีย อัลฟ่า อิควิดตี้ ฟัน 1 ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และยังได้เครือข่ายจากพันธมิตรอย่าง CCA ที่สามารถต่อยอดการเติบโตธุรกิจอาหารของ NPPG ให้มีการขยายตัวเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ตามแผนเชิงรุกการตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะทยอยประกาศออกมาในเร็วๆนี้ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ และกำไรให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป