นับเป็นการจัดกระบวนทัพครั้งสำคัญของกลุ่ม “ไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น” หรือ ทีซีซี กรุ๊ป ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” เมื่อบริษัทในเครือและกิจการของทายาทที่เกี่ยวกับ “เทคโนโลยี” ทยอยวางระบบทั้งหลังบ้าน หน้าบ้าน ให้พร้อมกับการ “เก็บข้อมูลมหาศาล” หรือ Big Data
ก่อนหน้านี้ทายาท “หนุ่ม ฐาปน สิริวัฒนภักดี” ได้นำ อเดลฟอส บริษัทลงทุน (โฮลดิ้ง) เปิดบริษัท ที สเปซ ดิจิทัล เข้ากิจการ 51% ของบริษัท ตลาดดอทคอม จำกัด (TARAD) ซึ่งเป็นของป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เพื่อขยายมาร์เก็ตเพลสจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ให้เป็น “คลังเก็บข้อมูล” ผู้บริโภครายย่อยทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อของผ่านร้านค้าทั่วไป ซึ่งยังไม่มีใครเคยเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าเชิงลึก เริ่มจากใช้ประโยชน์กับกิจการในเครือ ไทยเบฟฯ และโออิชิ
ล่าสุดเป็นคิว “ยอด ปณต สิริวัฒนภักดี” คนน้อง รุกหนักการจัดเก็บ Big Data บ้าง ด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีในเครือ และร่วมทุน โดยมี “บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น” เป็นหัวหอกสำคัญ เพื่อดำเนินการลงทุนต่างๆ เป็นสเต็ปดังนี้
ไทคอนฯ ทำการตั้งบริษัทย่อย เพื่อเข้าร่วมลงทุนกับ “บริษัท เอสทีที ไทยแลนด์ จีดีซี จำกัด” (STT GDC Thailand) เพื่อให้บริการด้านศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าว บริษัทยังมีการตั้งบริษัทย่อยเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท เทคโนโลยี แอสเซ็ทส์ จำกัด และบริษัท ดาต้า แอสเซ็ทส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มี “ปณต” ดูแลอยู่ ซึ่งคาดว่าการทำรายการจะมีมูลค่าไม่เกิน 136 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้ “ร่วมทุน” กับ “กลุ่มเอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซ็นเตอร์” หรือ เอสทีที จีดีซี (ST Telemedia Global Data Centres : STT GDC) ในนสัดส่วนการลงทุน 51% และ 49% ตามลำดับ เป็นการควงกันรุกตลาดดาต้า เซ็นเตอร์อย่างเต็มรูปแบบ
จุดแข็งของกลุ่มเอสที เทเลมีเดียฯ คือการเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านข้อมูลระดับโลก และมีอัตรการเติบโตเจริญที่ “รวดเร็ว” ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังลงทุนในบริษัท VIRTUS Data ประเทศอังกฤษ, Tata Communications และดาต้า เซ็นเตอร์ มีศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ กระจายกว่า 60 แห่ง ในประเทศจีน อินเดีย สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ที่รู้จัก Insight ตลาดต่างๆ อย่างดี
ส่วนจุดแข็งของ “ไทคอนฯ” นอกจากเป็นยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ของเมืองไทย มีคลังสินค้า และโรงงานให้เช่ามากสุดในไทยกว่า 2.7 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) ยังมี “แบ็ค” ดี จากการได้ทุนใหญ่ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด” และ “กลุ่มทีซีซี” ของเจ้าสัวเจริญ เข้าไปถือหุ้นทำให้ได้รับองค์ความรู้ (Know how) การบริการจัดการคลังสินค้า โลจิสติกส์ และการวางระบบจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า
ดังนั้น การผนึกผู้ให้บริการข้อมูลระดับโลกจะนำมาต่อยอดธุรกิจให้กลุ่มไทคอนฯ ตลอดจนกลุ่มทีซีซี กรุ๊ป ของเจ้าสัวเจริญ สามารถ “เก็บข้อมูล” ของลูกค้าเพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการเชิงลึก (Insight) แล้วตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
“ปณต สิริวัฒนภักดี” ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า เทรนด์เศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เต็มรูปแบบ หลายอุตสาหกรรมเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลในการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น การเข้ามาเต็มตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการเงิน (Fin Tech) รัฐเดินหน้านโยบายไทยแลนด์ 4.0 นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล จะเป็นการหนุนให้ธุรกิจบริการด้านไอที อย่าง “ดาต้า เซ็นเตอร์” เติบโตก้าวกระโดด
แนวโน้มธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์เติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าตลาดจะเติบโตสูงขึ้นถึง 2 เท่าภายในระยะเวลา 3 ปี ดังนั้นไทคอนฯ จึงร่วมทุนกับเอสที เทเลมีเดียฯ เพื่อรับโอกาสธุรกิจ
ทั้งนี้ ไทคอนฯ จะสร้างอาคารดาต้า เซ็นเตอร์แห่งใหม่ ตั้งเป้าให้เป็นดาต้า เซ็นเตอร์ขนาดใหญ่พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ (Strategic Location) ในกรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2563
ขณะที่ “โสภณ ราชรักษา” ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดตั้ง บริษัท ไทคอน เทคโนโลยี จำกัด (TICON Technology) และจับมือกับเอสทีที จีดีซี เพื่อรุกธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ต่อยอดความเชี่ยวชาญและสร้างมูลค่าเพิ่มในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทั้งโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปเจาะลูกค้าทุกอุตสาหกรรม
“การรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ จะช่วยให้บริษัทเพิ่มบริการทางด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ เพราะบริษัทจะนำความแข็งแกร่งของไทคอนฯ ผสานกับความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและนำเสนอบริการดาต้า เซ็นเตอร์ในระดับโลกของพันธมิตร เอสทีที จีดีซี เพื่อผลักดันให้ธุรกิจใหม่ให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ”
“บรูโน่ โลเปซ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซ็นเตอร์ มองการ ร่วมมือกับไทคอนฯ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด” และ “กลุ่มทีซีซี” จะทำให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุด และมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย
ที่สำคัญจะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงที่ดิน (แลนด์แบงก์) พื้นที่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในย่านธุรกิจและเขตอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เมื่อผนวกกับประสบการณ์ของเอสทีที จีดีซี ในการออกแบบ การสร้างและให้บริการในธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ จะช่วยขยายธุรกิจไปยังระดับโลกมากขึ้น
จะเห็นว่าการรุก “ดาต้า เซ็นเตอร์” เป็นการผนึกกำลังของ “พี่น้อง” ขยายธุรกิจแบบ “คู่ขนาน” โดย “คนพี่ ฐาปน” รุกเก็บข้อมูล “ลูกค้าผู้บริโภครายย่อย” (Consumer) ส่วน “คนน้อง ปณต” รุกเก็บข้อมูลลูกค้าในแวดวง “อุตสาหกรรม” หรือลูกค้า B2B เป็น “กินรวบ” Insight ลูกค้าทุกกลุ่มมาไว้ในมือ เพื่อให้ธุรกิจภายใต้อาณาจักรทีซีซี ตอบโจทย์ได้หมดไม่ว่า “ลูกค้าคนนั้นคือใคร”