“คอนวูด” โชว์นวัตกรรมชูคอนเซ็ปต์ “URBAN ENERGY CAFÉ & LIFESTYLE” กระหึ่มงานสถาปนิก ’61 ประชันไอเดียแข่ง 800 บริษัท จับ 2 เทรนด์ไลฟ์สไตล์ “การออกกำลังกาย+คาเฟ่” สร้างสรรค์บูธไอเดียที่ไม่ธรรมดา ออกแบบร้านขายอุปกรณ์กีฬาแนวใหม่ตอบโจทย์คนเมืองยุค 4.0 ตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดันไฮไลท์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล่าสุด “ไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นฟิต (CONWOOD EAVE FIT)” รองรับงานหลังคาทรงโมเดิร์น เร่งกลุ่มผลิตภัณฑ์สี คาดปีนี้ทำเงิน 10
ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2561 รายได้พุ่งรับเศรษฐกิจฟื้นเต็ม
กิตติ บุญประคอง รองประธาน บริษัท คอนวูด จำกัด ในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เผยถึงการเข้าร่วมงาน “สถาปนิก ’61 (Architect Expo 2018)” ที่วางคอนเซ็ปต์ได้อย่างน่าสนใจ “ปีแห่งความไม่ธรรมดา” ทั้งการท้าทายจากปรากฏการณ์โลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านจากสังคมชนบทสู่สังคมเมือง โดยชูแนวคิดการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในวิถีชีวิตร่วมสมัยของสังคมไทย “Vernacular Living” บทบาทและความเปลี่ยนแปลง ภายใต้ชื่องาน ‘Beyond Ordinary’ โดยมีบริษัทเข้าร่วมประชันผลงานนวัตกรรมมากกว่า 800 แห่ง
“คอนวูด ได้ทุ่มเทเวลาในการศึกษารูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบัน จนได้ไอเดียเพื่อนำเสนอบูธครั้งนี้ พร้อมส่งเข้าประกวดในประเภทความคิดสร้างสรรค์ “URBAN ENERGY CAFÉ & LIFESTYLE”
จับเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม 2 กระแสมารวมไว้ด้วยกัน คือ เทรนด์การออกกำลังกายที่เห็นกันในทุกสัปดาห์ ทั้งงานวิ่งมาราธอน มินิมาราธอน การปั่นจักรยานที่สร้าง ENERGY ให้ทุกคนมีสุขภาพกายที่แข็งแรง มาจัดวางกับเทรนด์การใช้ชีวิตสไตล์ CAFÉ ซึ่งเป็นได้ทั้งมุมทำงานและมุมพักผ่อนที่ดีต่อสุขภาพใจ เพื่อตอบโจทย์
ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างคุ้มค่าและลงตัวที่สุดบนเนื้อที่ 81 ตารางเมตร
รูปแบบการนำเสนอใช้วิธีสร้างสรรค์ร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่มีคาเฟ่อยู่ภายในร้าน ตัวร้านนำเสนอนวัตกรรมการนำไม้คอนวูดมาตกแต่งร้านให้เกิดความน่าสนใจ แปลกใหม่ และทันสมัย โดยมี Ramp เป็นตัวแบ่งพื้นที่โซนต่างๆ เช่น โซนแสดงสินค้า โซนกิจกรรม และพื้นที่สีเขียวสำหรับเป็นมุมพักผ่อน
คอนวูดต้องการตอบโจทย์ข้อสำคัญมากกว่าความสวยงาม โดยมองเรื่องประโยชน์ของการใช้งานเป็นหลัก และสรรค์สร้างทุกการตกแต่งด้วยไม้คอนวูดที่เป็นมิตรต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่เน้นการรักษาสมดุลของระบบนิเวศวิทยา ใช้เทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้วัตถุดิบที่ปราศจากสารพิษ มุ่งเน้นการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติให้มีประโยชน์สูงสุด ซึ่งผลิตภัณฑ์คอนวูดเป็นวัสดุตกแต่ง เพื่องานสถาปัตยกรรมคุณภาพสูงผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ทั้งปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์และเยื่อเซลลูโลส มีคุณสมบัติเป็นเอกลักษณ์ คือ สวยงาม ใช้งานง่ายเหมือนไม้ธรรมชาติ ทนทาน ปลวกไม่กิน ไม่ติดไฟ ตอบสนองงานออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งทุกพื้นที่ภูมิสถาปัตย์ ที่สำคัญ ลดการใช้ไม้จากธรรมชาติ เพื่อให้โลกคงความสวยงามตลอดไป”
สำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของบูธ คือ ไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นฟิต (CONWOOD EAVE FIT) ออกแบบรองรับรูปแบบหลังคาทรงโมเดิร์น (Lean-to Roof) เพิงหมาแหงน ช่วยให้การปิดด้วยแผ่นครอบสังกะสี (Flashing) เรียบร้อย สวยงาม แข็งแรง ลดปัญหาแผ่นครอบสังกะสีโก่งตัวจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งง่ายด้วยไม้เชิงชายแผ่นเดียว ช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างหลังคาและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม้คอนวูด มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์คุณภาพสูงและเส้นใยธรรมชาติ ไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่าและไม่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
กิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดวัสดุทดแทนไม้มีแนวโน้มเติบโต ทั้งการใช้งานในประเทศและการส่งออก เพื่อทดแทนไม้จริงและวัสดุประเภทอื่น ๆ ซึ่งวัสดุทดแทนไม้มีความหลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในหลายรูปแบบ ประกอบกับตลาดและมุมมองของผู้ใช้งานเริ่มมองไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นมากกว่าวัสดุทดแทนไม้ ซึ่งคอนวูดจะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่มการใช้งานทั่วไปและกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่ง เน้นจุดขายด้านคุณภาพ ดีไซน์ และความสวยงาม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์สี หรือ CONWOOD Color เพื่อตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น และนอกจาก ไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นฟิต (CONWOOD EAVE FIT) ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ ไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นทูอินวัน ซึ่งเป็นสินค้าขายดีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง เนื่องจากคอนวูดเป็นรายแรกที่จำหน่ายไม้เชิงชาย ทูอินวัน ซึ่งเป็นเชิงชายแผ่นเดียวที่ให้ความรู้สึกเหมือนนำเชิงชาย 2 แผ่นมาประกบกัน รวมถึงผลิตภัณฑ์สีคอนวูดที่เสริมเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งมากขึ้น”
“ตลาดผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ในปี 2561 คาดมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องประมาณ 5% จากปี 2560 โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มีศักยภาพการทำตลาดดีมาก ทั้งกลุ่มไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นฟิตและไม้ผนังบังใบ รุ่นซีล็อค” กิตติ กล่าว
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สีคอนวูดภายใต้ชื่อ CONWOOD Color มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 10 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.5 ล้านบาท ในระยะเริ่มต้นได้วางแผนให้สีคอนวูดเติบโตควบคู่กับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ไม้ต่าง ๆ ของคอนวูด ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในงานสถาปนิก’60 เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท คอนวูด จำกัด ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดบูธแสดงสินค้าประเภท Green Booth ภายใต้แนวคิด The Pace of Nature หรือการก้าวไปพร้อมธรรมชาติ ประสานรูปทรงความเป็นบ้าน วางองศาแห่งความอบอุ่นด้วยสีสันแนวเอิร์ธโทน เนรมิตห้องให้อยู่ภายใต้หลังคาแห่งความสุข และจัดความรื่นรมย์ให้สอดประสานกับชีวิตความเป็นอยู่ของบ้าน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ยังได้รับรางวัลชมเชยการประกวดผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ประเภท Innovative Product จากผลิตภัณฑ์ ไม้ผนังบังใบ คอนวูด ซี-ล็อค (CONWOOD LAP SIDING C-LOCK) รุ่น G-SERIES ซึ่งใช้ตกแต่งผนังของอาคารที่อยู่อาศัย สำหรับพื้นที่ของผนังปูนคอนกรีตที่ต้องการอารมณ์เหมือนไม้จริง ใช้เทคนิคการติดตั้งที่ไม่ต้องสกรูผ่านเนื้อไม้ให้เป็นรู ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว สวยงาม ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
พบกับบูธคอนวูด เลขที่ F201 ได้ภายในงาน “สถาปนิก ’61” ตั้งแต่วันนี้ – 6 พฤษภาคม ศกนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ติดตามรายละเอียดได้ทาง facebook.com/CONWOODTHAILAND
เกี่ยวกับบริษัท:
บริษัท คอนวูด จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2545 โดยมีเงินทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มีโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี บนเนื้อที่ 139.5 ไร่ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2546 ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรา “คอนวูด” และตระหนักอยู่เสมอถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ไม่เป็นการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจเน้นเรื่องการรักษาสมดุลของระบบนิเวศวิทยา เลือกใช้เทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ใช้วัตถุดิบที่ปราศจากสารพิษ และมุ่งเน้นการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติให้มีประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นการช่วยลดปัญหามลภาวะเป็นพิษเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย