ธนาคารยูโอบีร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและฟินแล็บ ติดอาวุธให้ SMEs ไทยปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มตัว

ธนาคารยูโอบี (ไทย) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และฟินแล็บ [1]ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงจัดตั้งโครงการ Smart Business Transformation เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อช่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) พัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลพร้อมเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยดิจิทัลเต็มรูปแบบ

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตระหนักถึงความท้าทายบทใหม่ที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยต้องปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ SMEs ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เปิดกว้างไร้พรมแดน ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564 ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลในทุกภาคส่วน อันเป็นกุญแจสู่ประเทศไทย 4.0

ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า “ผมเชื่อว่ากลยุทธ์การปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มตัวสำหรับ SMEs จะเป็นไปอย่างยั่งยืน เพราะการพลิกโฉมธุรกิจด้วยดิจิทัลจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ กระตุ้นการลงทุน และส่งเสริมการจ้างงานสร้างรายได้ สิ่งนี้จะช่วยให้ SMEs ของเราแข็งแกร่งขึ้นและเท่าทันความท้าทายในอนาคต”

ผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และได้รับการอบรมและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและผู้พัฒนาเทคโนโลยีจากเครือข่ายของฟินแล็บ ธนาคารยูโอบีและสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ทั้งนี้ โครงการ Smart Business Transformation มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและปรับกระบวนการธุรกิจด้วยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่รากฐาน กระบวนการทำงาน การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การตลาด วัฒนธรรมองค์กร และการกำหนดเป้าหมายการเติบโตในอนาคต

ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ยูโอบี เชื่อว่าการจัดหาโซลูชั่นที่เอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ ผู้ประกอบการ SME ในการขยายธุรกิจ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้เราได้เปิดตัว UOB BizSmart โซลูชั่นจัดการธุรกิจครบวงจรบนคลาวด์ที่ช่วยผู้ประกอบการ SME ลดต้นทุนและประหยัดเวลาในการบริหารธุรกิจ นอกจากนี้เราเข้าใจดีว่า SME จำเป็นต้องมีรูปแบบธุรกิจที่สามารถแข่งขันในสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ได้ โดยภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ SMEs ไทยจะสามารถเชื่อมต่อกับคู่ค้าที่เหมาะสม และแสวงหาความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้”

ฟิลิกซ์ ตัน กรรมการผู้จัดการ ฟินแล็บ กล่าวว่า “ภายใน พ.ศ 2568 เศรษฐกิจดิจิตอล ในอาเซียน จะมีมูลค่าสูงถึง 1ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ [2]ฟินแล็บมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ ธนาคารยูโอบี และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในการสนับสนุนการเติบโตของ SME ซึ่งการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันของทั้งสามองค์กรในวันนี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผู้ประกอบการปรับตัวเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลเต็มตัว”

[1]ฟินแล็บ เป็น บริษัท ร่วมทุนระหว่างธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์ (UOB) และ บริษัท SGInnovate ซึ่งเป็น บริษัท เอกชนที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรม

[2]ASEAN Digital Revolution, by global management consulting firm A.T. Kearney in conjunction with Axiata Group Berhad (Axiata), at the GSMA’s 2016 Mobile World Congress.