เปิดกลยุทธ์ “ง่วนสูน” แบรนด์เครื่องเทศพันล้าน รุกตลาด AEC ผ่านโครงการตลาดต่อยอด


ย้อนกลับไปราวๆ 70 ปี แบรนด์พริกไทยง่วนสูนได้ถือกำเนิดขึ้น จากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคของอาจจิตต์ ลิ้มประนะ ที่ลูกค้ามักจะซื้อเม็ดพริกไทย ไปบดเป็นเครื่องเทศเองที่บ้าน จึงเกิดความคิดในการทำพริกไทยบดสำเร็จรูปออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมาจนถึงปัจจุบัน


ในวันนี้เรามาพูดคุยกับ คุณวิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ทายาทรุ่นที่ 2 กับวิสัยทัศน์ในการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับแบรนด์ง่วนสูนสู่แบรนด์เครื่องเทศระดับพันล้าน ด้วยการแตกไลน์สินค้าจากพริกไทยมาสู่ผลิตภัณฑ์เครื่องเทศหลายหลายชนิด เพราะมองเห็นความสำคัญของเครื่องเทศ ที่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูอาหาร ช่วยสร้างรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และยังสะท้อนถึงจุดเด่นของอาหารในแต่ละพื้นที่อีกด้วย


จุดเริ่มต้นของแบรนด์ง่วนสูนนี้ต้องย้อนไปใน พศ.2479 ยุคคุณพ่อ อาจจิตต์ ลิ้มประนะ ที่นำพริกไทยมาป่นขายแบบเรียลไทม์ให้ลูกค้าในย่านเยาวราชได้ดู เป็นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างและสร้างการจดจำที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ช่วยให้สินค้าขายได้มากขึ้น จนเริ่มต่อยอดมาสู่เครื่องป่นไฟฟ้าช่วยทุ่นแรงและเพิ่มกำลังผลิตให้ทันกับความต้องการในยุคนั้น ซึ่งชื่อง่วนสูนนั้นคุณปู่ของคุณวิศิษฏ์เป็นคนตั้งให้ แปลความหมายเป็นไทยว่า ความเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ทีละขั้น

สู่อาณาจักรเครื่องเทศพันล้าน

จากร้านขายของชำเล็กๆ ในเยาวราชที่มีสินค้าพริกไทยเป็นตัวชูโรง ก็ได้มีการนำเครื่องเทศอื่นๆ อย่างเช่น พริกป่น ใบมะกรูดป่น อบเชย โป๊ยกั๊ก ฯลฯ มาขายเพิ่มไลน์สินค้าให้มากขึ้น จนปัจจุบันนี้มีโพรดักต์ไลน์ที่แตกต่างกันหลายร้อยชนิด รวมไปถึงการออกสินค้าที่ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่อย่างชุดเครื่องแกง พะโล้ ต้มยำแบบสำเร็จรูป แค่ฉีกซองก็พร้อมปรุงเป็นแต่ละเมนูได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภคนี้เองทำให้ง่วนสูนสามารถรุกตลาดไปยังกว่า 20 ประเทศทั่วโลก สร้างยอดขายระดับพันล้านต่อปีได้อย่างแข็งแกร่ง

ปูทางสู่ทายาทรุ่น 3

สำหรับแผนในอนาคตได้วางไว้ให้รุ่นลูกมารับช่วงต่อ หนึ่งในนั้นก็คือการเปิดร้าน Spice Story ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเครื่องเทศให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้ง่าย และมองเห็นถึงความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยจับเครื่องเทศที่หลายคนคุ้นเคยมาแต่งตัวใหม่ ด้วยแพคเกจจิ้งที่ดูทันสมัย และนำเสนอเครื่องเทศที่มีสีสันฉูดฉาด ดึงดูดผู้ซื้อชาวต่างชาติให้นำกลับไปเป็นของฝากที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับครอบครัวยุคใหม่ด้วยการจับเครื่องเทศต่างๆ มาอยู่ในแพคเกจเดียวกันในแต่ละเมนู เช่น ซุปตุ๋นปลา ซุปหมู (บะกุ๊ดเต๋) ผงทำข้าวพระรามลงสรง ผงหมูสะเต๊ะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหลากหลายเมนูคาวหวานที่รังสรรค์จากวัตถุดิบภายในร้านให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกันอีกด้วย

ย่างก้าวสำคัญในการรุกตลาด AEC ผ่านโครงการ “ตลาดต่อยอด”

อีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญของแบรนด์ง่วนสูนในการเปิดตลาด AEC สู่ประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญ เพราะ ประชากรในตลาด AEC มีจำนวนมาก ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่  ด้วยจำนวนประชากรกว่าร้อยล้านคน ประเทศไทยเรามีความได้เปรียบตรงทำเลที่ตั้งที่ถือเป็น Hub ในการเชื่อมต่อในแต่ละประเทศ จากการคมนาคมที่สะดวกสบายขึ้น


เราได้มองหาลู่ทางต่างๆ หลายลู่ทาง และทางเลือกที่เราตัดสินใจว่ามีศักยภาพมากที่สุด คือการเปิดหน้าร้านค้าที่ “ตลาดต่อยอด”  เพื่อใช้จุดแข็งของตลาดมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ง่วนสูนในระดับภูมิภาคนี้ให้มากขึ้น เพราะตลาดต่อยอด AEC Trade Center จะเป็นศูนย์ค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่รวบรวมสินค้าของผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศมารวมไว้ในที่เดียว บนพื้นที่การค้ากว่า 300,000 ตารางเมตร ห่างจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต เพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกในการเดินทาง การขนส่ง ประหยัดเวลา และลดขั้นตอนในการทำดำเนินการ เพิ่มความคุ้มค้าให้กับธุรกิจทุกประเภท

เป็นมากกว่าพื้นที่ขายสินค้า เพราะการตอบโจทย์ด้วยบริการทางธุรกิจอย่างสมบูรณ์

วิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ยังกล่าวว่าโครงการตลาดต่อยอด นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของสินค้าที่หลากหลายมากมาย เป็นศูนย์รวมเครือข่ายของกลุ่มผู้ค้า ผู้ประกอบการ ผู้ซื้อ หลากหลายธุรกิจทั่วประเทศมารวมตัวอยู่ที่นี่ ที่สำคัญคือมีบริการที่คอยสนับสนุนการค้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ SME Solution Service ที่คอยให้คำปรึกษาทางธุรกิจ การสร้างแบรนด์และแผนการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ อีกทั้งยังมีหน่วยงานที่คอยประสานงานกับทางภาครัฐในการออกเอกสาร สำหรับการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร


นอกเหนือจากศูนย์ดังกล่าว ทางโครงการยังมี แพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการค้าขายทางออนไลน์, คลังเก็บสินค้า, ศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งบริการเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ และคอยให้ความรู้และช่วยเหลือผู้ประกอบการในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง

ตลาดต่อยอดเชื่อมโยงคู่ค้า ด้วยบริการทีม Merchandise สรรหาผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก

นอกจากบริการที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการในทุกด้านแล้ว ที่ตอบโจทย์ทาง “ง่วนสูน” คือ Merchandise Team ทีมสรรหาลูกค้า จากตลาดต่อยอด เพราะทางโครงการรู้ว่าหัวใจสำคัญของการเปิดหน้าร้านคือต้องมีลูกค้ามาซื้อสินค้าของเรา ทำให้ทางโครงการเล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงมีการจัดตั้งทีมสรรหาลูกค้า ที่จะหาคู่ค้าในตลาด หาผู้ซื้อจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ  โดยเราไม่ต้องเหนื่อยไปหาวิธีเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อในอาเซียน หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ๆด้วยตัวเอง ทำให้เราขายสินค้าได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกลุ่มผู้ซื้อไปจนถึงผู้ขาย ที่จะมีโอกาสในการขยายการค้า ขยายตลาดให้กว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยให้กับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย วิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทง่วนสูน ทายาทรุ่นที่ 3 กล่าวถึงย่างก้าวสำคัญของแบรนด์ในครั้งนี้

เชิญชวน SME ไทย ก้าวสู่ความสำเร็จไปพร้อมกัน ที่ตลาดต่อยอด

คุณวิศิษฏ์ ลิ้มประนะได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หากผู้ประกอบการ SME หรือผู้ประกอบการไทยท่านใดที่มองหาหนทางของความสำเร็จในธุรกิจ ต้องการขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง ตลาดต่อยอด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้


ผ่านบริการสนับสนุนและช่วยเหลือรอบด้านสำหรับผู้ประกอบการ โดยมั่นใจได้ว่าตลาดต่อยอดจะเป็นกำลังสำคัญ ที่จะผลักดันสร้าง SME ไทยทั่วประเทศ ให้มีรากฐานที่แข็งแรงเติบโตไปได้ไกลตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างมั่งคง และก้าวสู่ความสำเร็จไปพร้อมกัน


ก้าวสำคัญของแบรนด์ง่วนสูนในการรุกตลาด AEC ผ่านทางตลาดต่อยอดนี้ น่าจะเป็นอีกก้าวกระโดดในการพาแบรนด์ไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่กว่าร้อยล้านคน ที่น่าจะเป็นต้นแบบให้ SME และผู้ประกอบการไทยอีกหลายราย ก้าวตามรอยความสำเร็จได้อย่างมั่นคง สนใจติดต่อจองพื้นที่โครงการตลาดต่อยอด โทร. 035-909-888 หรือ Facebook ตลาดต่อยอด