“Facebook” เป็นแพลตฟอร์ม Social Media เบอร์ 1 ของโลก ที่อยู่ในตลาดได้เพียง 14 ปี แต่บริษัทกลับมีมูลค่าตลาดมากกว่า 17 ล้านล้านบาท และเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เรียกว่าแซงกิจการมากมายที่อยู่บนโลกนี้มานานป็นสิบๆ ปีเสียอีก
ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ยังทำเงินมหาศาล เพราะมีรายได้กว่า 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.75 แสนล้านบาท ส่วนกำไรอยู่ที่ 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.54 แสนล้านบาท
ส่วนจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกมีมากกว่า 2,200 ล้านบัญชี (Account) โตขึ้น 13%
กลับมามองที่ประเทศไทย เฟซบุ๊ก เป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตไม่แพ้กัน เพราะมีผู้ใช้งานมากกว่า 49 ล้านบัญชี (ที่มา : ThothZocilaOBVOC ก.พ.61) ขณะที่ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ระบุว่าจำนวนคนไทยที่ใช้งาน Facebook มีมากถึง 51 ล้านคนต่อเดือน เติบโต 11%
เพราะไทยเป็น 1 ในประเทศที่ติดอันดับท็อปๆ ตลอดของผู้ใช้เฟซบุ๊ก เทียบทั่วโลก เช่น กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ใช้เฟซบุ๊กมากสุด, เฟซบุ๊ก เป็นช่องทางที่พ่อค้าแม่ขายใช้เป็นช่องทางทำมาหากิน หรือ Social Commerce มากสุดในโลก เป็นต้น
ปัจจัยดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊กตัดสินใจมาตั้งสำนักงานในประเทศไทย โดยประกาศตัวตั้งแต่ปีก่อน แต่ที่ตั้งออฟฟิศนั้นถือเป็น “ความลับ” แต่ล่าสุด Positioning มีโอกาสไปเยี่ยมออฟฟิศใหม่ของ “เฟซบุ๊ก” อย่างเป็นทางการ ที่ชั้น 27 อาคารเกษร ทาวเวอร์ ถนนราชดำริ จึงนำบรรยากาศโดยรวมมาให้ชม
- การตกแต่งอาคารสำนักงาน มีการดีไซน์ให้เป็นบรรยากาศไทยๆ ท้องถิ่นสุดๆ มีตู้กับข้าว กระติ๊บข้าว กระด้ง มาใช้ตกแต่ง
- บริเวณจุดต้อนรับ มีภาพวาดกราฟิตี้ โดยศิลปินไทย
- ห้องทำงาน ใช้ชื่อเรียกไทยๆ เช่น สวัสดี (Sawaddee), สบาย สบาย (Sabai sabai) เป็นต้น
- มีกระสอบทรายลายไทยและ Facebook ตกแต่ง มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรม เช่น ตีปิงปอง ฟุตบอลมินิเกม เป็นต้น
- บริเวณตู้กับข้าว ยังเป็น “ห้องแห่งความลับ” ของเฟซบุ๊กด้วย ซึ่งห้องดังกล่าวมีอยู่ที่เฟซบุ๊ก นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ และไม่ได้มีในทุกประเทศด้วย ซึ่งประเทศที่ไม่มีก็จะเป็นห้องแบบอื่นแทน ห้องดังกล่าวไว้สำหรับถ่ายรูปทำกิจกรรมสนุกสนาน
- บริเวณผนังของออฟฟิศ มีคำกล่าวทักทาย “สวัสดี” ตัวโตๆ ซึ่งเมื่อมีการเปิดบ้าน จัดกิจกรรมต่างๆ จะเปิดให้แขกผู้มาเยือนได้เขียนคำอวยพรบนผนัง จากนั้นจะลบทิ้งเพื่อใช้งานครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาเปิดออฟฟิศในประเทศไทยแล้ว แต่เฟซบุ๊กก็ยังไม่มีการตั้งบริษัทในไทยแต่อย่างใด โดยยังมีสิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง
โดยขณะนี้เฟซบุ๊ก ยังคงมองหาคนร่วมงานมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในไทย ส่วนจำนวนสตาฟฟ์ในไทยเวลานี้มีกี่คน ทางผู้บริหาร “จอห์น แวกเนอร์” กรรมการผู้จัดการ Fcebook ประเทศไทย ยังอุบตัวเลขไว้เป็นความลับ.
