โดนฟ้องจนอ่วมสำหรับ Johnson & Johnson และผู้จัดหาแร่ใยหิน “ทัลก์” ซึ่งล่าสุดเป็นฝ่ายแพ้คดีต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 21.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ครั้งนี้ผู้เสียหายเป็นหญิงผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้แป้งเด็ก Johnson & Johnson ต่อเนื่องหลายสิบปี โดยคดีนี้เป็นการพ่ายแพ้ครั้งที่ 2 ในการอุทธรณ์ของแบรนด์แป้งเด็กชื่อดังต่อศาลสหรัฐฯ
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Johnson & Johnson หรือ J&J กำลังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงเพราะถูกพิษคำตัดสินของคณะลูกขุนลอสเองเจลิสให้จ่ายค่าเสียหาย 21.7 ล้านเหรียญสหรัฐในคดีที่หญิงอเมริกันรายหนึ่งร้องเรียนว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งหลังจากที่สัมผัสกับแร่ใยหินในแป้งเด็กของบริษัท คำตัดสินนี้ได้รับความสนใจมากเพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นหลังจากกรณีของ Joanne Anderson วัย 68 ปีผู้ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งซึ่งเชื่อมโยงกับการสัมผัสสารทัลก์โดยตรง
คดีนี้จึงเป็นการอุทธรณ์แพ้ครั้งที่สองของ J&J ในข้อกล่าวหาประเภทเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า J&J เป็นคดีถูกฟ้องร้องข้อหา “แป้งก่อมะเร็ง” มากกว่า 6 พันครั้งในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตัวเลขไม่ธรรมดาและอาจส่งผลกระทบถึงอนาคตของแบรนด์ดัง
*** ยังปฏิเสธเสียงแข็ง
แม้ว่าจะได้รับคำสั่งจ่ายค่าเสียหาย 21.7 ล้านเหรียญซึ่งคิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์ของคำตัดสิน ซึ่งอีก 33 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะถูกปันให้เป็นความรับผิดชอบของจำเลยรายอื่น แต่ J&J ปฏิเสธกระต่ายขาเดียวว่าผลิตภัณฑ์แป้งของบริษัทไม่มีส่วนผสมที่ก่อเกิดโรคมะเร็ง โดยอ้างถึงการทดสอบต่อเนื่องนานหลายสิบปี ของห้องปฏิบัติการอิสระและนักวิทยาศาสตร์มากมาย
ไม่ว่าอย่างไร ผู้เสียหายมีข้อมูลยืนยันว่าสารทัลก์ในแป้งฝุ่นโรยตัวซึ่งเป็นสารเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ นั้นเป็นสารก่อมะเร็งใกล้ตัวที่ผู้ใช้สินค้าไม่เคยรับรู้ถึงภัยที่แฝงมา
ทั้งหมดนี้ J&J กล่าวในแถลงการณ์ว่ารู้สึกผิดหวังกับคำตัดสินครั้งนี้ แต่เมื่อคณะลูกขุนได้มีการพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการพิจารณาคดีครั้งนี้ และบริษัทจึงขอไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
*** ไม่ได้โดนคนเดียว
กรณีแอนเดอร์สันและสามีที่ยื่นฟ้อง J&J เมื่อปี 2017 การฟ้องร้องครั้งนั้นคลุมทั้งบริษัท Cyprus Amax Minerals ในเครือบริษัท Imerys, บริษัท Honeywell ในเครือบริษัท Brenntag และซัพพลายเออร์ผู้ผลิตสารทัลก์รายอื่นในสหรัฐฯ ซึ่งจุดนี้ไม่ชัดเจนว่า บริษัทใดที่ต้องรับภาระจ่ายค่าเสียหายร่วมกับ J&J
ดังนั้น คดีล่าสุดจึงเชื่อว่าจะมีบริษัทอื่นที่ต้องร่วมรับผิดกับ J&J ด้วย ปัจจุบัน J&J ต้องต่อสู้คดีกับผู้ป่วย 6,000 รายที่อ้างว่าเป็นลูกค้าแป้งเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ แต่การฟ้องร้องคดีแพ่งเริ่มเปลี่ยนโฟกัสใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยข้อมูลใหม่อ้างว่า ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่นิยมใช้กันแพร่หลายทำให้เกิดโรคเนื้องอกในเนื้อเยื่อได้ทุกตำแหน่งของร่างกาย และมักเกิดกับเยื่อหุ้มปอดมากที่สุด
ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ แต่ผลที่เกิดขึ้นชัดเจนคือ J&J และซัพพลายเออร์ทั้งหลายตกเป็นจำเลยในคดีที่หลากหลายยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้คือในเดือนเมษายน ที่คณะลูกขุนศาลรัฐนิวเจอร์ซีย์สั่งให้ J&J และซัพพลายเออร์จ่ายเงิน 117 ล้านเหรียญให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเพศชาย ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์
จากประวัติที่ผ่านมา J&J นั้นชนะคดีครั้งเดียวจากการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ไม่ว่าผลการฟ้องร้องทั้งหมดนี้จะแพ้หรือชนะ แต่ J&J จะต้องผ่านไปให้ได้ เช่นเดียวกับบริษัทเชนร้านขายยาอื่นอย่าง Rite Aid ในสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องคดีโรคมะเร็งในศาลแดนลุงแซมเช่นกัน.