CPNกางแผนแสนล้าน 5 ปีเปลี่ยนโฉมค้าปลีกด้วยแนวคิด Co-Create Center of Life


CPN ถือเป็นผู้นำในการนำคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ มาสู่วงการค้าปลีกอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่การบุกเบิกคอนเซ็ปต์ ‘One-Stop Shopping Center’ ครั้งแรกในการเปิดตัว ‘เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว’ และต่อมากับการใช้ ‘Lifestyle Experience’ เป็นแนวคิดในการพัฒนา ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กลุ่มเป้าหมาย และใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จกับศูนย์ฯ ใหม่ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละย่าน เช่น ‘เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต’ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ และ ‘เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนกรุงย่านเอกมัย-รามอินทราที่ทันสมัย รักสุขภาพ

ในวันนี้ CPN พร้อมก้าวหน้าไปอีกขั้นกับการแถลงวิสัยทัศน์ 5 ปี (2018-2022) บุกเบิกเทรนด์รีเทลด้วยแนวคิด Co-Create Center of Life พร้อมทุ่มงบกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อยกระดับเป็น ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในยุค Digital Disruption ที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลง ซึ่งซีพีเอ็นเรามองการปรับตัวครั้งนี้ว่าเป็น ความท้าทายและโอกาสที่จะทำให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง ดังเช่น 38 ปีที่ผ่านมาที่เราเคยได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญๆ ให้กับวงการค้าปลีกไทย และวันนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการค้าปลีกอีกครั้ง ทำให้การมาเดินศูนย์การค้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ 5 ปีต่อจากนี้คือ ‘Co-Create Center of Life’ เพื่อทำให้ศูนย์การค้าของซีพีเอ็นเป็นศูนย์กลางที่ทุกคนมาใช้ชีวิตอย่างแท้จริง โดยมีจิ๊กซอว์สำคัญคือพันธมิตรธุรกิจ คู่ค้า และพาร์ทเนอร์ ผู้เช่าทั้งหมดของเราที่จะร่วมกัน Co-Create สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อความสำเร็จในธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”  ซึ่ง 3 กลยุทธ์หลัก ดังกล่าวนั่นก็คือ

  1. Co-Creating Destination Concepts  

ทำให้ศูนย์การค้าเป็น Destination เพื่อดึงดูดกลุ่มคนที่มีความชอบคล้ายๆ กัน และจัดกลุ่มสินค้าและบริการที่ segment ตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยจะเริ่มนำร่องด้วย 5 Destination Concepts ได้แก่

1.1 Family Destination

ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่กลับมาหาความเชื่อมโยงกันมากขึ้น สามารถให้คนทุก Generation มาร่วมกันใช้ชีวิตตามแต่ละคนสนใจ มีพื้นที่พักผ่อน บริการพิเศษสำหรับเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ

1.2 Food Destination

ตอบโจทย์ทุกวัตถุประสงค์เกี่ยวกับอาหาร ครบครันด้วยSupermarket และร้านอาหารทุกรูปแบบทั้ง Dine-in, Take home ไปจนถึง Cooking Studio ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแบบ Hunger Filler กินให้อิ่ม, Heart&Soul Filler กินเพื่อดื่มด่ำความสุขและบรรยากาศ, และ Skill Filler ชอบทำเพื่อเรียนรู้และฝึกฝีมือ,

1.3 Fashion Destination

ศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นพร้อมกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ให้ได้สัมผัสและน่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา

1.4 Co-Working Destination

เป็นพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันไอเดีย สำหรับกลุ่มคนที่มีความรักและความชอบ และสไตล์ที่คล้ายกันจะมาใช้ชีวิต แชร์ความฝัน และสร้างความหมายให้ชีวิตในแต่ละวันได้ และ

1.5 Sport Destination

พื้นที่ของคนที่รักสุขภาพ ชอบการออกกำลังกาย รวมไปถึงสาย Sport Fashion ทั้งไลฟ์สไตล์แบบ Sport Geek, Sport Chic, หรือ Sporty Connector โดยเราจะมีทั้งสิ้นมากกว่า 20 Destinations ที่จะตอบรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของลูกค้า และปีนี้เราจะเริ่มเห็น Destination Concept ต่างๆ เกิดขึ้นในศูนย์การค้า 18 แห่งทั่วประเทศ

  1. Co-Creating Digital Platform

เชื่อมประสบการณ์ไร้รอยต่อหรือSeamless Experience ใน 3 แนวทางคือ

2.1 Real-Time Personalized Offer

โดยการใช้ Big Data เข้าถึงลูกค้ากว่า 12 ล้านคนจาก The 1 Card เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสินค้าและบริการของคู่ค้าไปสู่ลูกค้าได้ โดยลูกค้าจะได้รับข้อมูลและโปรโมชั่นต่างๆ ตามความชอบ ความสนใจ อีกทั้งเราจะร่วมมือกับทุกแบรนด์มอบ offer ที่ตรงใจลูกค้าด้วยเครื่องมืองอันทรงพลังของ Central Group คือ ‘The 1 Card Application’ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีนี้

2.2 Online Experience

เชื่อมมือถือของลูกค้าให้เข้าถึงบริการของผู้เช่าภายในศูนย์ฯ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด เช่น การจองที่จอดรถล่วงหน้า จองคิวร้านอาหาร จองคิวร้านสปา หรือใช้บริการFood Park โดยที่ไม่ต้องพกเงินสดอีกต่อไปและ

2.3 Integrated Market Platform

จับมือกับ Central JD ที่จะเพิ่มช่องทางการขายให้ seamless ยิ่งขึ้น โดยคนที่ขายออนไลน์อยู่แล้วสามารถมาเปิด physical store ในศูนย์การค้ากับเราก็ได้ หรือผู้เช่าในศูนย์ฯ ก็สามารถเพิ่มช่องทางการขาย online ได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงลูกค้ากลับมาที่ศูนย์การค้า ด้วยบริการที่ดีกว่า สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า พร้อมประสบการณ์ที่สัมผัสได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจของร้านค้าต่างๆ ภายในศูนย์ฯ ด้วย

  1. Co-Creating Partnership

ต้องอาศัยคามเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยได้ร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น I-Berhad สร้างศูนย์การค้าไอ-ซิตี้, ดุสิตธานี สร้าง Mix-Use Project ยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง, และ IKEA เสริมแกร่งความเป็น Super Regional Mall ของเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต รวมไปถึงการร่วมกับพาร์ทเนอร์ร้านค้าผู้เช่า เพื่อสร้าง Business Initiative ใหม่ๆ เช่น Co-Working Space ใน Café Amazon, พื้นที่ Think Space ภายในร้าน B2S และStarbucks สาขาใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ CentralWorld รวมไปถึง การทดลองตลาดใหม่ด้วย Pop-up Store ตามสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ และการทำ Marketing Campaign ต่างๆ

นายปรีชา กล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ เราได้เตรียมแผนการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุน 1 แสนล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้าง ‘The New Landscape’ ของวงการรีเทล และตอกย้ำการเป็น Global Player ของซีพีเอ็น โดยในปีนี้ มีไฮไลท์ 5 โครงการที่จะทำให้การ ‘Co-Create Center of Life’ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่

เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เราจะสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้งให้กับเซ็นทรัลเวิลด์ ในฐานะ‘ต้นแบบของเดสติเนชั่นการใช้ชีวิตระดับโลก’ด้วยคอนเซ็ปต์Central to Your World ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 61นี้ โดยจะช่วยสะท้อนภาพ Co-Create Center of Life ที่ชัดเจน ทั้ง Destination Concept ที่หลากหลายที่สุด การสร้าง Digital Platform ที่จะเกิดขึ้นเป็นศูนย์แรกๆ และการสร้าง Business Initiative อีกมากมายร่วมกับร้านค้า

เซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งจะเป็น A Global Must-Visit Destination ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทั้งแบบ Luxury และ Leisure อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อม Attractionระดับโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้แก่ ‘ไตรภูมิ’ ธีมปาร์ค รูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลกที่จะสร้างประสบการณ์ผจญภัยแบบ 3D walkthrough และ ‘Aquaria’ ซึ่งจะเป็น อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วย Food Destination ที่ตอบโจทย์ทั้งคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ โครงการศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกของซีพีเอ็น ในโลเคชั่นศักยภาพสูงของมาเลเซีย ใกล้กัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ใน Mix-Use Projectขนาดใหญ่ที่ภาครัฐของมาเลเซียผลักดันให้เป็น Destination แห่งการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดของมาเลเซีย

เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของอยุธยา ที่ผสมผสานเอกลักษณ์กลิ่นอายของจังหวัดอยุธยาเมืองมรดกโลกเข้ากับความร่วมสมัย โดยจะเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและศูนย์กลางการใช้ชีวิต และเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2562

เซ็นทรัล วิลเลจ แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของซีพีเอ็นในรูปแบบ “ลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย” เพื่อตอบรับกระแสการเป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ตอบรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่รู้จักเลือกใช้สินค้า ซึ่งแพลตฟอร์มเอาท์เล็ตทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก และเป็นสถานที่ must visit ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

สำหรับ ภาพรวมธุรกิจ ซีพีเอ็นมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 21,234 ล้านบาท ในปี 2013 เป็น 30,875 ล้านบาท ในปี 2017 และล่าสุดในปี 2018 ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับโฉมศูนย์การค้าอื่นๆ ตอบรับเทรนด์อนาคตด้วย Destination Concept ที่วางไว้ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, พระราม 3, เชียงราย, ชลบุรี และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ทั้งสำนักงาน โรงแรม และโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อเติมเต็มธุรกิจศูนย์การค้า และเสริมสร้างความเป็น Center of Life สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของเซ็นทรัลพัฒนาที่เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน