ชาว SME เตรียมตัวให้พร้อมกับงานใหญ่ SME Matching Day 2018 งานจับคู่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี โดย 2 ยักษ์ใหญ่ “กสิกรไทย” และ “โพสต์ทูเดย์” ในปีนี้จัดงานภายใต้ธีม “มหกรรมจับคู่ธุรกิจสู่ตลาดไทย-อินเตอร์” วันที่ 2-3 สิงหาคมนี้ ขนทัพช่องทางจัดจำหน่ายทั้งไทยและต่างประเทศรวม 20 ช่องทาง เพื่อสร้างโอกาสให้ SME ไทยเติบโต
งาน SME Matching Day เป็นงานที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับบริษัท บางกอกโพสต์ จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นเพื่อธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ในปีนี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งในแต่ละปีที่ผ่านมา มี SME สมัครเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นปีละ 20% และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจประมาณ 1,000 ราย
จุดอ่อน หรือปัญหาของ SME ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกจากช่องทางจัดจำหน่าย 4 อันดับแรก คือ บรรจุภัณฑ์และฉลาก สินค้าไม่ตรงกลุ่มลูกค้าของช่องทาง การตั้งราคาที่สูงเกินไป และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากสาเหตุ คือ ไม่มีการศึกษาข้อมูลและกลุ่มลูกค้าของช่องทางที่จะเข้าจำหน่ายว่าเหมาะกับสินค้าตนเองหรือไม่ รวมถึง SME มีต้นทุนที่สูง จึงไม่สามารถตั้งราคาขายที่สามารถแข่งขันได้ จึงจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นการให้ความรู้ และจับคู่ธุรกิจให้เหมาะกับช่องทางการขายของตัวเอง
โดยที่ปัจจุบันพบว่าธุรกิจ SME มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีกว่า 3 ล้านรายในประเทศไทย และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน มีผู้ประกอบการหน้าใหม่อยู่ตลอด ทำให้มีการแข่งขันที่รุนแรง และต่างต้องดิ้นรนหาช่องทางการขายให้สินค้าของตัวเองได้มีที่ยืนในตลาด
ธนาคารกสิกรไทยถือว่าเป็นที่ปรึกษา หรือเป็นคู่คิดสำหรับธุรกิจ SME จึงทำการจัดงานเพื่อสนับสนุน SME ทั้งในด้านการให้ความรู้ในการทำธุรกิจ การเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า เพิ่มช่องทางการขาย เป็นการติดปีก เพิ่มศักยภาพให้ SME แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ปัจจุบันเทรนด์ธุรกิจ อีคอมเมิร์ชกำลังเติบโต สามารถช่วย SME ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ แต่การนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ หรือช่องทางออนไลน์ชื่อดัง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นการจับคู่ธุรกิจที่มีศักยภาพจึงเป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาดสำหรับ SME”
สำหรับในปีนี้งาน SME Matching Day 2018 จะจัดขึ้นในวันที่ 2 และ 3 สิงหาคม 2561 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้พบปะเจรจาธุรกิจกับช่องทางการจัดจำหน่ายชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากถึง 20 ช่องทาง พร้อมการสัมมนาให้ความรู้ ให้คำปรึกษาการจัดการธุรกิจจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
โดยวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เป็นการจับคู่ธุรกิจกับช่องทางในประเทศ 14 ช่องทาง ประกอบด้วย ช่องทางค้าปลีก-ค้าส่ง เช่น ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป, เอฟเอ็น ,แฟคทอรี่ เอ้าท์เลท, แม็คโคร, สพาร์, เล้งเส็ง ซูเปอร์สโตร์, เดอะมอลล์ กรุ๊ป, จิฟฟี่, แม็กซ์มาร์ท, และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ช่องทางออนไลน์ในประเทศ เช่น ลาซาด้า, แม็คโครคลิก, ทีวีไดเร็ค ออนไลน์ช้อปปิ้ง และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง และกลุ่มช่องทางตัวแทนจำหน่าย เช่น สหพัฒน์
สำหรับวันที่ 3 สิงหาคม 2561 เป็นการจับคู่ธุรกิจกับช่องทางออนไลน์ต่างประเทศ 6 ช่องทาง ประกอบด้วย shop.com.mm อีคอมเมิร์ช อันดับ 1 ในเมียนมา tiki.vn หนึ่งในอีคอมเมิร์ชของเวียดนามที่เติบโตเร็ว SFBest.com กลุ่มโลจิสติกล์อันดับ 1 ของจีน VIP.com เจ้าใหญ่เป็นอันดับ 3 ในจีน eBay.com อีคอมเมิร์ชระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก GoSoKo.com จากกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก ซึ่งช่องทางเหล่านี้จะทำให้ SME ของไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคผ่านอีคอมเมิร์ชดังกล่าวได้กว่า 500 ล้านคน โดยมีมูลค่าการซื้อขายในปี 2560 ที่ผ่านมา รวมกันกว่า 176,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ชไทยเองมีมูลค่าเพียง 2,900 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จึงเป็นโอกาสที่ SME ไม่ควรพลาด
อนันต์ ลาภสุขสถิต รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ปัจจุบันเทรนด์การค้าระหว่างประเทศได้พัฒนาไปสู่ยุคดิจิทัล โดยในวันนี้ผู้บริโภคมากกว่า 100 ล้านคนในกลุ่มประเทศ AEC+ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เนตและทำธุรกรรมออนไลน์ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การค้าระหว่างประเทศจึงไม่ได้จำกัดอยู่ในรูปแบบเดิมๆ ที่ต้องผ่านตัวกลาง ผ่านการค้าชายแดนอีกต่อไป จากนี้ไปธุรกิจสามารถขับเคลื่อนผ่านอีคอมเมิร์ชและรูปแบบออนไลน์ได้อีกด้วย”
นอกจากแนวโน้มการดำเนินธุรกิจการค้าเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกออนไลน์แล้ว ไลฟ์สไตล์ของผู้คนก็เข้าสู่โลกแห่งสังคมเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMVI ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่า 6% ทำให้กลุ่มประเทศเหล่านี้เปลี่ยนสถานะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง มีการเข้าถึงโมบายอินเทอร์เน็ต (Mobile Internet Penetration) สูงกว่า102% (ข้อมูลจาก WeAreSocial, 2018) และการขยายตัวสู่สังคมเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์สังคมเมืองได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่มาจากประเทศไทย ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเห็นโอกาสอันดีที่จะส่งเสริมและผลักดันลูกค้า SME ของไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดระดับภูมิภาค
ภายในงานนอกจาการจับคู่ธุรกิจแล้ว ยังมีหัวข้อสัมมนาที่เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ ทั้งเรื่องของอีคอมเมิร์ชที่มีบทบาทมากในยุคปัจจุบัน เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ SME ต้องให้ความสำคัญในยุคของการทำธุรกิจที่ต้องใช้นวัตกรรม พร้อมทั้งยังมีความรู้เรื่องตลาดอินเดียที่ถือเป็นตลาดใหญ่และตลาดใหม่ในการเพิ่มโอกาสทางการค้าอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และพิเศษมากที่สุดในปีนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่พร้อมในการร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในปีนี้ สามารถรับชมการ Live สดผ่านเฟสบุค posttoday Fanpage เพื่อสอบถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับช่องทางต่างๆ ทั้งกลุ่มค้าส่ง-ค้าปลีก กลุ่มออนไลน์ และตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเตรียมตัวเข้าร่วมงานในปีต่อๆไป
ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมจับคู่ธุรกิจในงาน SME Matching Day สามารถสมัครและลงทะเบียนได้ที่ http://bit.ly/2Ip888s ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 มิถุนายน 2561