“ไทคอน” ผู้นำตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 260.84 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 173% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทำให้ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) รวมกว่า 71% ผลจากการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการรุกขยายธุรกิจในทุกมิติตามแผนโรดแมป 3 ปี ด้วยกลยุทธ์ Total Dimension มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส พร้อมเดินหน้ารุกขยายธุรกิจใหม่และเร่งเพิ่มพื้นที่เช่าอย่างต่อเนื่อง
เพื่อรองรับนักลงทุนและลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ มั่นใจทะยานสู่ผู้นำอันดับหนึ่งในระดับอาเซียนภายในปี 2563 ได้ตามเป้าหมาย
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,118.77 ล้านบาท เติบโตขึ้น 104.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 ที่มีรายได้รวม 546.89 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 260.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท หรือคิดเป็น173% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยที่เป็นไปตามเป้าหมาย และตามแผนกลยุทธ์ที่ได้มีการประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยตามแผนโรดแมป 3 ปี จะมีการขับเคลื่อนธุรกิจในทุกมิติด้วยกลยุทธ์ Total Dimension เพื่อส่งเสริมความสามารถและศักยภาพของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนขยายธุรกิจไปสู่สายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน ธุรกิจการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เทคโนโลยี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง เป็นต้น ตอบรับแนวโน้มตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 และความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่กำลังฟื้นตัว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทสามารถขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบอาคารพร้อมใช้ (Ready-Built) และสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) เนื่องจากได้รับความไว้วางใจเช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) รวมกว่า 71% รวมถึงมีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งในรูปแบบที่ดินเปล่าและที่ดินพร้อมคลังสินค้า นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากค่าบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT ที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2560 ด้วย
“ในปีนี้ถือเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนองค์กรครั้งสำคัญของกลุ่มไทคอน ภายใต้การเข้ามาถือหุ้นของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด อย่างเต็มตัว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การขยายพื้นที่ให้เช่าในจุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อีอีซี ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่พร้อมให้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านตารางเมตร บนที่ดินกว่า 1,500 ไร่ จึงพร้อมที่จะรองรับนักลงทุนจากทุกอุตสาหกรรม ทั้งยังได้ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต การทำงานร่วมกับTREIT ภายหลังการควบรวมกองทุนแล้วเสร็จ ทำให้ปีนี้ก็จะเป็นปีที่กอง TREIT จะแสดงศักยภาพเต็มที่ให้สมกับเป็นกองรีทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และที่สำคัญยัง
จับเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัลตั้งบริษัท ไทคอน เทคโนโลยี จำกัด (TICON Technology) รุกธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อีกด้วย”
นายโสภณ กล่าว
สำหรับธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในประเทศอินโดนีเซียนั้น ไทคอนยังคงเดินหน้าขยายโครงการเฟสที่ 3 อีกกว่า 5,000ตารางเมตร หลังจากได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีผู้เช่าพื้นที่เต็มทุกอาคาร ทั้งนี้ปัจจุบันไทคอนมีพื้นที่ให้บริการในประเทศอินโดนีเซียรวมกว่า 67,000 ตารางเมตร
“สำหรับแผนในการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังปี 2561 บริษัทฯ จะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรตามโรดแมป 3 ปี โดยเฉพาะการขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายและพัฒนาพื้นที่ให้เช่า ตอกย้ำจุดแข็งของไทคอนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีจุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ พร้อมรองรับกลุ่มผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรมและกลุ่มนักลงทุนทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเรามั่นใจว่าแผนธุรกิจนี้จะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในระดับอาเซียนภายในปี 2563 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายโสภณ กล่าวทิ้งท้าย