เขย่าตลาดผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย เปิดตัวครั้งแรกในไทย Domohorn Wrinkle พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่ 6 มิถุนายน (วันนี้) เป็นต้นไป

Saishunkan Pharmaceutical บริษัทผู้ผลิตยา และเวชสำอางจากประเทศญี่ปุ่น ขยายฐานบุตลาดไทย เปิดตัว 8 ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย Domohorn Wrinkle ที่เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ พร้อมดึงจุดแข็งในเรื่องช่องทางขายเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยด้วยการสร้างมิติใหม่ที่เป็นการขายแบบ Direct Tele Marketing รายเดียวในประเทศไทยเพื่อปูฐาน และสร้างการเติบโตในระยะยาว ทดลองใช้ตั้งแต่วันนี้ โทร.02-260-2222

มร.มาซาอากิ นิชิคาวะ ประธานบริษัท Saishunkan Pharmaceutical จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯถือเป็นผู้ผลิตยา และผลิตภัณฑ์เพื่อความงามจากญี่ปุ่นที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจนเป็นที่รู้จัก และยอมรับอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดได้เข้ามาเปิดตัวทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว (โดยเราได้ขยายตลาดไปที่ประเทศไต้หวัน และฮ่องกง ล่าสุดคือ ประเทศไทย) โดยมีการจัดตั้งบริษัท Saishunkan Pharmaceutical (Thailand) Co.,Ltd. เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขั้นพื้นฐาน “Domohorn Wrinkle” ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และจะเริ่มทำตลาดพร้อมกับจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายน 2561 (วันนี้)

สำหรับผลิตภัณฑ์ Domohorn Wrinkle ที่ส่งเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์แรกในการทำตลาดในบ้านเรานั้น กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1974 โดยเป็นรายแรกในประเทศญี่ปุ่นที่นำคอลลาเจนมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Cream20 ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1และนำมาพัฒนาเป็น “8ผลิตภัณฑ์ Domohorn Wrinkle” หรือ “One Line” ที่มุ่งแก้ปัญหาด้านริ้วรอยและจุดด่างดำ ซึ่งได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนเป็นอย่างดี จากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน

ไม่เพียงเท่านั้น Saishunkan Pharmaceutical ยังเป็นบริษัทแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นผู้บุกเบิกการทำธุรกิจในรูปแบบ “Direct Tele Marketing” มาอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบดังกล่าว ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นการขายสินค้าในรูปแบบที่ไม่ได้วางขายหน้าร้าน แต่มี “Customer Pleaser” คอยให้บริการรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รับคำสั่งซื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้รับฟังปัญหา ให้คำปรึกษา และช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความกังวลผิวต่างๆ ด้วยการค้นหาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด

“หัวใจของความสำเร็จในการทำตลาดของ Domohorn Wrinkle ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือฮ่องกง ก็คือการซื้อซ้ำ ซึ่งเราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโดยมี Business Model คือ Repeat หรือการซื้อซ้ำที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายมาตลอดการทำธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาเห็นได้จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการซื้อซ้ำนี้ มีตัวเลขออกมาค่อนข้างจะน่าสนใจไม่น้อย เพราะในประเทศญี่ปุ่น มีคนซื้อซ้ำเป็นตัวเลขถึง 93.8% ส่วนในไต้หวันตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 83%” มร.มาซาอากิ นิชิคาวะ กล่าว

ส่วนการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น Saishunkan Pharmaceutical มีการศึกษา และวิจัยตลาดนานถึง 1 ปี โดยมองเห็นโอกาสทางการตลาดจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการลดริ้วรอยที่ยังมีเทรนด์การเติบโตค่อนข้างดี ขณะที่ยังไม่มีรายใดเข้ามานำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ด้วยขั้นตอนการใช้ 8 ขั้นตอนกับ 8 ผลิตภัณฑ์ ที่เป็นการนำเสนอโซลูชั่นของการป้องกัน และแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมทุกจุด

สิ่งที่เป็นหัวใจในการดึงให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้ผลิตภัณฑ์นั้น จะอยู่ที่การมีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่นๆ ในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม โดย Saishunkan Pharmaceutical ถือเป็นบริษัทแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นผู้บุกเบิกรูปแบบการขายในลักษณะ “Direct Tele Marketing” มาอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์การขายแบบนี้จะเป็นการขายสินค้าในรูปแบบที่ไม่ได้วางขายหน้าร้าน หรือช่องทางร้านค้าปลีกต่างๆ แต่จะมี “Customer Pleaser” คอยให้บริการรับคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รับคำสั่งซื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้รับฟังปัญหา ให้คำปรึกษา และช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความกังวลผิวต่างๆ ด้วยการค้นหาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด

“Customer Pleaser”จึงทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนบริษัทที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เป็นประสบการณ์แรกที่ประทับใจระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ซึ่งการเข้ามาทำตลาดในบ้านเรานั้น จะมีCustomer Pleaser 13 คน ประจำที่สำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะคอยรับโทรศัพท์เพื่อให้คำแนะนำอย่างผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้ยังมีอีก 4 คนที่ประจำอยู่ใน Domohorn Wrinkle Experience Space ที่สุขุมวิท 24 เพื่อคอยให้บริการ แนะนำการใช้สินค้าให้กับลูกค้าที่สนใจที่จะเข้ามาทดลองใช้สินค้า ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆ ที่จะใช้การขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ทั้งบนเชลฟ์ของร้านค้าปลีกที่เป็นเฮลท์ & บิวตี้ และตามเคาน์เตอร์ขายเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า ซึ่งในส่วนหลังนี้จะมีพนักงานที่เป็น BA (Beauty Advisor) คอยแนะนำ และดึงให้ลูกค้ามาทดลองใช้ ซึ่งความเข้าใจ หรือการรับฟังปัญหาของลูกค้าอาจจะไม่ละเอียดมากพอ

การใช้การขายแบบ “Direct Tele Marketing” จึงจำเป็นต้องมีการสร้างความน่าสนใจให้ลูกค้าเข้ามาทดลองใช้สินค้า ซึ่งการทำตลาดในประเทศไทยที่จะเริ่มคิกออฟตั้งแต่วันนี้ วันที่ 6 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป จะมีการสร้างกระแส และความสนใจในการดึงลูกค้าให้เข้ามาทดลองใช้ โทร.02-260-2222 หรือ www.saishunkan-th.com หรือมีปฎิสัมพันธ์แรกกับสินค้าผ่านโฆษณาทางทีวี ออนไลน์ และเอสเอ็มเอส ตรงถึงลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้โทรเข้ามารับสินค้าทดลองที่จะใช้ได้ 3 วัน ในจำนวนมากถึง 85,000 ชุด โดยจะมีการใช้งบในการโฆษณาช่วงเปิดตัว 90 ล้านบาท

“การทำตลาดในรูปแบบของ Direct Tele Marketing เป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการสร้างการรับรู้ระยะหนึ่ง เหมือนกับที่ฮ่องกง และไต้หวันที่ในช่วงแรกคนจะไม่สนใจ แต่หลังจากได้สัมผัสกับสินค้าและบริการที่รนำเสนอให้ก็เริ่มเข้ามาทดลองใช้จนมีการซื้อซ้ำค่อนข้างสูง โดยเราใช้เวลา 3 ปีในการสร้างตลาดจนประสบความสำเร็จ ส่วนในประเทศไทยนั้น เป้าหมายในทำตลาดในปีแรกนี้ เราคาดหวังว่า การแจกสินค้าตัวอย่าง 85,000 ชิ้นนี้ จะสามารถดึงคนให้เข้ามาซื้อได้ประมาณ 5,000 คน หรือสามารถทำยอดขายในปีแรกนี้ได้ที่ 66 ล้านบาท รวมถึงมียอดขายประมาณ 300 ล้านบาทใน 3 ปีแรกของการทำตลาด”

มร.มาซาอากิ นิชิคาวะ ยังกล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างที่ให้ทดลองใช้ 3 วันนี้ ไม่ได้ช่วยให้เห็นผลได้ทันทีทันใด แต่สิ่งที่ลูกค้าจะสัมผัสได้ก็คือผิวหน้าที่อ่อนนุ่ม และชุ่มชื่นขึ้น ซึ่งจะเป็นความประทับใจแรกที่จะถูกต่อยอดมาสู่การใช้สินค้าในระยะยาวต่อไป

การขยายฐานเข้ามาทำตลาดในบ้านเรานั้น จะเป็นสปริงบอร์ดชั้นดีที่จะช่วยขยายฐานทางธุรกิจออกไปสู่ประเทศข้างเคียงในกลุ่ม CLMV ซึ่งกำลังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และเรื่องของความงามก็ถูกยกระดับ และให้ความสำคัญมากขึ้น โดยที่ผ่านมา รายได้จากต่างประเทศของ Saishunkan Pharmaceutical จะมีสัดส่วนประมาณ 7 – 8% ซึ่ง มร.มาซาอากิ นิชิคาวะ มองว่า หลังจากนี้น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 3%