เจแอลแอล สปาร์ค หน่วยธุรกิจที่ดูแลงานด้านเทคโนโลยีของของบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์เจแอลแอล ประกาศจัดตั้งกองทุนในชื่อ JLL Spark Global Venture Fund ด้วยเงินทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,200 ล้านบาท สำหรับเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (proptech) เทคโนโลยีที่จะสามารถช่วยปรับปรุงทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการ การบริหารจัดการ การซื้อขายและให้เช่า ตลอดไปจนถึงการลงทุน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้คอบครอง ใช้ประโยชน์ หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนดังกล่าวจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ด้วยการเปิดโอกาสให้ได้เข้ามาร่วมงานกับหน่วยธุรกิจบริการด้านต่างๆ รวมจนถึงลูกค้าของเจแอลแอล ซึ่งนอกจากจะมีโอกาสในการกระจายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของตนแล้ว ยังจะได้รับรู้ความคิดเห็นเชิงลึกจากเจแอลแอลและลูกค้า เกี่ยวกับเทคโนโลยีของตน เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงต่อยอดต่อไป
ทั้งนี้ รายงานการวิจัยที่เจแอลแอลร่วมจัดทำกับ Tech in Asia เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า การลงทุนของกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (proptech) ในเอเชียแปซิฟิก มีการขยายตัวสูงกว่ากลุ่มบริษัทประเภทเดียวกันในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยในระหว่างปี 2556 ถึงกลางปี 2560 บริษัทสตาร์ทอัพในกลุ่ม proptech 179 บริษัทของเอเชียแปซิฟิกมีการลงทุนรวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15,360 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 60% ของมูลค่าการลงทุนโดยกลุ่มบริษัทประเภทเดียวกันทั่วโลก นอกจากนี้ ยังด้วยคาดว่า การลงทุนของบริษัทกลุ่มนี้ในภูมิภาคนี้จะพุ่งสูงขึ้นเป็นปีละ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.44 แสนล้านบาทภายในปี 2563
นายมิเฮียร์ ชาห์ ซีอีโอร่วมของเจแอลแอล สปาร์ค กล่าวว่า “เมืองหลายเมืองในเอเชียแปซิฟิกจัดอยู่ในกลุ่มเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ชั้นนำของโลก ซึ่งความเป็นสมาร์ทซิตี้ของหลายเมืองเหล่านี้ อาศัยเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือ proptechเป็นตัวผลักดัน ดังนั้น เจแอลแอลจึงมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพ proptech ในเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่ออสังหาริมทรัพย์ การจัดตั้ง JLL Spark Global Venture Fund เป็นการต่อยอดเป้าหมายของเราในด้านนี้”
“กองทุนที่จัดตั้งขึ้น จะเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับผู้ประกอบการlสตาร์ทอัพทั้งในระดับประเทศและระดับโลกที่จะสามารถอาศัยหน่วยธุรกิจบริการด้านต่างๆ ของเจแอลแอลเป็นช่องทางในการขยายการเติบโตให้กับบริษัทของตน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าของเรา”
ในเบื้องต้น กองทุนที่เจแอลแอลจัดตั้งขึ้นจะเน้นการลงทุนในกลุ่มตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีสำเร็จแล้วและพร้อมขยายการเติบโต เม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนในสตาร์ทอัพแต่ละรายจะมีตั้งแต่กี่พันไปจนถึงหลายล้านดอลลาร์ โดยจะเน้นที่สตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่มีประโยชน์โดยตรงต่อลูกค้าของเจแอลแอล หรือที่จะช่วยปรับปรุงบริการต่างๆ ของเจแอลแอลที่มีอยู่ให้ดีขึ้น รวมไปจนถึงเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เจแอลแอลมีโอกาสขยายบริการไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ได้
นายคริสเตียน อัลบริค ซีอีโอทั่วโลกของเจแอลแอลกล่าวว่า “การตั้งกองทุนที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ครั้งนี้จะช่วยให้เจแอลแอลสามารถเป็นผู้นำของภาคอสังหาริมทรัพย์ในการทำให้ความคิดสร้างสรรค์ทางเทคโนโลยีที่ดีที่สุดต่างๆ กลายเป็นจริง เป็นการเกื้อหนุนและต่อยอดการลงทุนสูงของเราในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านดิจิตอล ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของเรา รวมจนถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ”
เกี่ยวกับ JLL
เจแอลแอลเป็นบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก มีสำนักงานสาขา 300 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เจแอลแอลเริ่มดำเนินธุรกิจมานับตั้งแต่ปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยพนักงานมากกว่า 1,600 คน และมีอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ เจแอลแอลยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมอันดับหนึ่งของประเทศไทยติดต่อกันเจ็ดปีซ้อน ในการสำรวจความคิดเห็นของคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2560 โดยนิตยสารยูโรมันนี (Euromoney Real Estate Survey 2017)