นาฬิกาข้อมือสายเลือดซามูไร “ไซโก” ไม่หวั่นการเติบโตนาฬิกาข้อมือดิจิทัลเข้ามาแทนที่นาฬิกาข้อมือแบบเดิมในตลาดระดับราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท มั่นใจกลุ่มลูกค้าระดับไฮ-เอนด์ยังเห็นคุณค่านาฬิกาข้อมือแบบดั้งเดิม ส่ง “แกรนด์ ไซโก” เปิดตลาดไทย เร่งจัดระบบการจัดจำหน่ายใหม่ ปรับโฉม “ไซโก บูทีค” ดิ เอ็มโพเรียม ชั้น M พร้อมเปิดเคาน์เตอร์จัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3 สาขาในห้างหรูกลางเมือง ทั้งสยามพารากอน, เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลลาดพร้าว
นายคัตซึมิ คูโบตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ “ไซโก” (SEIKO) และ “อัลบา” (ALBA) จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดนาฬิกาข้อมือและวงการผู้ผลิตนาฬิกาได้รับผลกระทบจากการเติบโตของอุปกรณ์ดิจิทัล โดยเฉพาะนาฬิกาข้อมือดิจิทัลที่สามารถให้ข้อมูลการทำงานด้านต่างๆ ของร่างกายซึ่งได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีแนวโน้มที่จะเข้ามาแทนที่นาฬิกาข้อมือแบบเดิม โดยเฉพาะในตลาดที่มีระดับราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท
จากปัจจัยความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงทำให้ตลาดนาฬิกาข้อมือในทวีปเอเชียมีการเติบโตและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันกลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเห็นคุณค่าของนาฬิกาข้อมือแบบดั้งเดิมโดยเฉพาะในตลาดระดับไฮ-เอนด์ บริษัทฯ จึงพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันดังกล่าวและมั่นใจว่าจะส่งผลให้แบรนด์ “แกรนด์ ไซโก” มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะถือเป็นแบรนด์นาฬิการะดับไฮ-เอนด์ที่ดีที่สุดและมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปีค.ศ.1960
นายคัตซึมิ คูโบตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับประเทศไทยถือว่าความสำคัญและเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจของ “ไซโก” เนื่องจากเป็นผู้นำในตลาดเอเชียและตลาดศักยภาพที่จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องจำนวนและคุณภาพ บริษัทฯ จึงจะพยายามตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทิศทางของการดำเนินงานของ “ไซโก” ในประเทศไทยจึงจะเน้นสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดนาฬิการะดับไฮ-เอนด์ทั่วโลก โดยจะใช้แบรนด์ “แกรนด์ ไซโก” (Grand Seiko) เป็นแบรนด์นำในการดำเนินงานตามทิศทางดังกล่าว เนื่องจากถือเป็นนวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีที่ผสมผสานกับผลงานอันปราณีต พร้อมทั้งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของการประกอบจากช่างฝีมือชั้นสูงชาวญี่ปุ่น จนทำให้แบรนด์ “แกรนด์ ไซโก” เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ด้วยความพิถีพิถันในรูปลักษณ์อันงดงามทุกรายละเอียด ประกอบกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่เปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์แบบแห่งเรือนเวลา
“บริษัทฯ จะมีการปรับนโยบายการบริหารงานด้านต่างๆ เพื่อจัดจำหน่ายแบรนด์นาฬิกา “แกรนด์ ไซโก” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้มีการปรับโฉม “ไซโก บูทีค”ใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม ชั้น M พร้อมเปิดเคาน์เตอร์จัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน ชั้น M, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม ชั้น 3 และศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 ซึ่งคาดว่าภายในเดือนก.ค.ศกนี้”
นายคัตซึมิ คูโบตะ กล่าวในตอนท้ายว่า ในปี 2561 มีคนไทยซึ่งรู้คุณค่าของความเป็นญี่ปุ่นและเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นแล้วประมาณเกือบ 1 ล้านคน ทิศทางการดำเนินงานของ “ไซโก” ครั้งนี้จึงถือเป็นความพยายามในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนไทยซึ่งเป็นผู้ที่รักและชื่นชอบในแบรนด์นาฬิกาจากญี่ปุ่นที่มีในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีการปรับปรุงประสบการณ์ในการจับจ่ายสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า เคาน์เตอร์จำหน่าย การบริการลูกค้า และอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง