Group M ได้สำรวจพฤติกรรมผู้ชมทีวีของไทย ตอบรับกับรายการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ที่ถือเป็นอีเว้นท์สำคัญมากน้อยเพียงใด
ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์กับมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างพุ่งความสนใจไปที่ประเทศรัสเซีย สำหรับบ้านเรานับได้ว่าเป็นประเทศที่มีคอบอลทั้งขาประจำและขาจรอยู่ไม่น้อย ดูได้จากพฤติกรรมที่คนติดตามการแข่งขันในปีนี้มีการสลับช่องทีวีจากช่องหลักสู่ช่องทีวีดิจิทัล อมรินทร์, ทรูโฟร์ยู และช่อง 5 อย่างเห็นได้ชัด
จากการวัดพฤติกรรมการดูโทรทัศน์ของคนไทยโดยบริษัทนีลเส็น ประเทศไทย พบว่าช่วงก่อนการแข่งบอลโลกมีผู้รับชมทีวีในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 35 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมหลังเริ่มการแข่งขันในวันที่ 14 มิถุนายนแม้ว่าจำนวนผู้ชมเฉลี่ยจะไม่แตกจากเดิมมาก แต่ช่องอมรินทร์, ทรูโฟร์ยู และช่อง 5 ที่ถ่ายทอดสดการแข่งขัน กลับมีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นถึง 140% หรือเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 19 ล้านคนต่อวันจากค่าเฉลี่ยนที่ 11 ล้านคนต่อวันในเวลาปกติ ส่วนช่องที่ฉายละครหลังข่าวอื่นๆ กลับมีผู้ชมลดถึง 4.5%
ระหว่างวันที่ 14 – 18 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วง 5 วันแรกของการแข่งขันพบว่าผู้ชมกลุ่มหลักที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านทางทีวีคือกลุ่มคนอายุ 45 ปีขึ้นไป ถือเป็น 53% ของผู้ชมบอลโลกทั้งหมด ขณะที่ผู้ชมในช่วงอายุ 20 -39 ปี เป็นกลุ่มที่มีการกลับมาดูโทรทัศน์มากที่สุด คือเพิ่มมากขึ้นถึง 97% เมื่อวัดจากช่วงเวลาก่อนหน้า
ส่วนช่องรายการหลักที่ไม่ได้ร่วมการถ่ายทอดมีค่าเฉลี่ยผู้ชมลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมอายุ 15 – 24 ปี ซึ่งลดลงถึง 9%
จากสถิติข้างต้น สามารถสรุปได้อย่างคร่าวๆ ว่าแม้ปัจจุบันพฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคชาวไทยจะเปลี่ยนไปที่สื่อทางเลือกหรือช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่สื่อโทรทัศน์ก็ยังเป็นสื่อสำคัญในช่วงเวลาที่เรียกว่า วาระแห่งชาติ และวาระแห่งโลก ดังที่ตัวเลขจำนวนผู้รับชมโทรทัศน์ในสามช่องที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงถ่ายทอดสด และมีความแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในรอบท้ายๆ ซึ่งทั้งนี้ยังไม่รวมถึงสื่อดิจิทัลช่องทางต่างๆ ที่รายงานผลหลังการแข่งแบบเรียลไทม์ให้ติดตามอีกทางหนึ่ง.
แพน จรุงธนาภิบาล
Associate Director, Marketing & Development – GroupM
[email protected]