นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัวกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นญี่ปุ่นสมอลแคป (SCB Japan Small Cap Equity Fund : SCBJPSM) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ เช่น หน่วย CIS และ/หรือหน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็ก ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่นหรือจดทะเบียนจัดตั้งหรือมีการประกอบกิจการอย่างมีนัยสำคัญในประเทศญี่ปุ่น โดยจะเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2561 นี้ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ซึ่งกองทุนอาจเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามความเหมาะสมสำหรับภาวการณ์ในแต่ละขณะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งภาคการผลิตและภาคการบริโภค การใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสทำกำไรของธุรกิจ โดยผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่อมูลค่าพื้นฐานของหลักทรัพย์ ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งด้วยปัจจัยสนับสนุนจากกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มแรงงานเพศหญิงที่เข้ามามีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดความมั่นใจทางเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนให้เห็นว่าประชากรมีมุมมองเชิงบวกต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
โดยการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นขนาดเล็กสะท้อนภาพเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นได้มากกว่าการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นขนาดเล็กมีสัดส่วนของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจภายในประเทศญี่ปุ่นโดยตรง ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ส่วนมากเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ซึ่งอาจผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม
นายสมิทธ์ กล่าวว่า หุ้นญี่ปุ่นขนาดเล็กมีมูลค่าพื้นฐานอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างบริษัทและการบริหารเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในขณะที่ความผันผวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดยรวม ซึ่งในช่วง10 ปีที่ผ่านมาหุ้นญี่ปุ่นขนาดเล็กสามารถสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดยรวม และมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ นอกจากนี้หุ้นญี่ปุ่นขนาดเล็กยังมีนักวิเคราะห์ให้ความสนใจน้อยเมื่อเทียบกับหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ และหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จึงมีโอกาสที่ราคาหลักทรัพย์จะไม่สะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง การคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัวจากการวิเคราะห์เชิงลึกสามารถเสริมโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดได้
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นญี่ปุ่นสมอลแคป จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ซึ่งจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในกองทุน PineBridge Japan Small Cap Equity และกองทุน SuMi TRUST Japan Small Cap Equity Fund ซึ่งทั้งสองกองทุนบริหารโดยผู้จัดการกองทุนซึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การลงทุนยาวนานในหุ้นญี่ปุ่นขนาดเล็ก โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกของหุ้นรายตัว (Bottom up) ทั้งนี้ PineBridge Japan Small Cap Equity มีกระบวนการลงทุนที่จัดประเภทหุ้นตามอัตราการเติบโตและวัฎจักรธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีอัตราการเติบโตอยู่ในช่วงเริ่มมีเสถียรภาพและเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากมองว่ากลุ่มบริษัทดังกล่าวมีปัจจัยพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าพื้นฐานที่น่าสนใจ ซึ่งธีมการลงทุนปัจจุบัน คือ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร การคมนาคมสมัยใหม่ พลังงานและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีด้านการแพทย์ มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านธรรมาภิบาลที่ดี การพัฒนาธุรกิจสู่ระบบออนไลน์ การควบรวมกิจการเพื่อศักยภาพทางธุรกิจ โดยมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 50 – 70 ตัว
ทั้งนี้ PineBridge Japan Small Cap Equity ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2001 มีขนาดกองทุน 754.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดดเด่นเมื่อเทียบกับ กองทุนอื่นในกลยุทธ์แบบเดียวกัน ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 29.2% ขณะที่ย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 17.2 % และย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 22.8% (ที่มา :PineBridge ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561)
ส่วนกองทุน SuMi TRUST Japan Small Cap Equity Fund บริหารโดย SuMi TRUST ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นส่วนหนึ่งของ Sumitomo Mitsui Trust Bank Limited ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัวโดยพิจารณาจากสี่ปัจจัยหลัก ได้แก่ ผู้บริหาร ลักษณะธุรกิจ ลักษณะอุตสาหกรรม และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ รวมถึงลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตระยะยาวจากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และให้ความสำคัญกับกลุ่มบริษัท และโอกาสการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ภายในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 50-90 ตัว
โดยกองทุน SuMi TRUST Japan Small Cap Equity Fund ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 มีขนาดกองทุน 522.1ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดดเด่นเมื่อเทียบกับ กองทุนอื่นในกลยุทธ์แบบเดียวกัน ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 33.40% ขณะที่ย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 21.45% (ที่มา : SuMi TRUST ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561)
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย