เมื่อเร็วๆ นี้ อาลีบาบา กรุ๊ป ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน พร้อมด้วยผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในภาคเอกชนของไทย เผยแง่มุมและแนวคิดด้านการพัฒนาสังคมสู่ยุคดิจิทัล โดยมีความสำเร็จของประเทศจีนเป็นกรณีตัวอย่าง ในงานสัมมนาหัวข้อ “สังคมดิจิทัล:อนาคตที่หลีกไม่พ้น – ก้าวเดินของจีน พัฒนาการของไทย” ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งผู้สื่อข่าว ผู้ประกอบการ และนักเรียนนักศึกษารวมกว่า 100 ราย
มร. เจมส์ สู รองประธานคณะผู้แทนประจำประเทศไทย อาลีบาบา กรุ๊ป ได้เข้าร่วมการเสวนาซึ่งจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนาดังกล่าว ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เพื่อเผยถึงปัจจัยต่างๆ ที่ขับเคลื่อนให้ประเทศจีนก้าวสู่ความเป็นผู้นำในเชิงการพัฒนาสังคมดิจิทัล โดยมีผู้บริหารชั้นนำจากวงการธุรกิจของประเทศไทยหลายท่านร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยน ได้แก่ นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และนายวชิระชัย คูนำวัฒนา กรรมการผู้จัดการ Innovation eSolution Business บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมได้รับเกียรติจาก มร. หยาง ซิน อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกล่าวปาฐกฐาเปิดงาน
ในโอกาสนี้ มร. สู ได้กล่าวถึงกับบทบาทของอีคอมเมิร์ซในสังคมดิจิทัลของจีนว่า “ในประเทศจีน อีคอมเมิร์ซไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่เพียงวิธีการซื้อขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงวิถีชีวิตของชาวจีนในด้านอื่นๆ โดยไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือบริการอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เราอาจพูดได้ว่าทุกช่วงเวลาในชีวิตของชาวจีนยุคนี้ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลไม่มากก็น้อย ส่วนแนวคิดด้านประสบการณ์ ‘ค้าปลีกยุคใหม่’ ภายใต้การสนับสนุนของอาลีบาบา ซึ่งผสานประสบการณ์ของผู้บริโภคทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันด้วยเทคโนโลยี กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจพลิกนิยามในปัจจุบันของ ‘อีคอมเมิร์ซ’ จนกลายเป็นเพียงอดีตไปเลยก็ได้”
เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนได้เผยสถิติว่าผู้บริโภชาวจีนใช้จ่ายไปกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางค้าปลีกออนไลน์ไปมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดปี 2560 ซึ่งทำให้ประเทศจีนถือเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ประเทศจีนยังกำลังเป็นผู้นำด้านระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสด หลังจากที่ยอดการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในช่วง 10 เดือนแรกของปีที่แล้ว มีมูลค่าธุรกรรมรวมทั้งหมดเป็นจำนวนกว่า 12.77 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“เป้าหมายของเราคือการนำพลังของนวัตกรรมอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีอีกมากมาย มาสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับทุกคน” มร. สู กล่าวเสริม “กลยุทธ์การพัฒนาแพลตฟอร์มของอาลีบาบามีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดประตูสู่ความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการ แบรนด์ พันธมิตร และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ไม่ต่างกับการที่สารอาหารในดินสามารถหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ให้เติบโตจนผลิดอกออกผลได้ แพลตฟอร์มของเรามอบศักยภาพให้ผู้ประกอบการสามารถค้นพบเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจของตน และสร้างสรรค์ความสำเร็จต่อยอดไปให้ไกลกว่าที่เคย”
นอกจากนี้ มร. สู ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับโอกาสของประเทศไทยในการก้าวสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลว่า “ประเทศไทยมีกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาศักยภาพเชิงดิจิทัลในระยะยาวอยู่แล้ว และความร่วมมือระหว่างอาลีบาบา กรุ๊ป และรัฐบาลไทยก็ถือเป็นการสานต่อกลยุทธ์ดังกล่าว ผ่านทางการสนับสนุนผู้ค้าไทยด้วยแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของเรา ส่งเสริมผู้ประกอบการด้วยการแบ่งปันทักษะและความรู้ที่สำคัญ และขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว เพื่อก่อให้เกิดพัฒนาการที่ยั่งยืนต่อไป”
เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป
พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก เรามีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตสำหรับการประกอบธุรกิจ โดยจินตนาการถึงโลกที่ผู้คนต่างพบปะ ทำงาน และใช้ชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา และมีความมุ่งหวังที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปถึง 102 ปี