นอกจากอาหารคน เทรนด์แรงวันนี้คือหลายบริษัทหันมาปูทางสู้ศึกอาหารสัตว์ ล่าสุดคือ Nestlé อยู่ระหว่างเจรจาซื้อบริษัทผลิตอาหารสำหรับสุนัขและแมวเลี้ยง ผ่านดีลมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ถือว่าดีลที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามล่าสุดของแบรนด์ใหญ่สัญชาติสวิส ที่มุ่งเน้นดันให้ธุรกิจเติบโตขึ้นท่ามกลางความกดดันจากทุกปัจจัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Nestlé คิดบุกตลาดอาหารสัตว์ เพราะ Nestlé เริ่มปูทางบุกตลาดแล้วในชื่อแบรนด์ Purina สำหรับความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ Nestlé ถูกมองว่ากำลังเห็นการเติบโตในฐานะช่องทางสร้างรายได้แหล่งใหม่ในอนาคต ทำให้เริ่มเปิดการเจรจาซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัท Champion Petfoods ของแคนาดา ผู้ผลิตอาหารสุนัขและแมวชนิดเฉพาะทางที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือบริษัท Bedford Capital จากโตรอนโต
อย่างไรก็ตาม การเจรจานี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่มีการเปิดเผยกรอบกำหนดการที่ดีลนี้จะบรรลุถึงขั้นสุดท้าย แม้ว่าจะชัดเจนเรื่อง Nestlé มีแผนขยายการลงทุนในด้านอื่น โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าเพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งข่าวความสนใจในกิจการของ Champion นี้เกิดขึ้นในช่วง 1 ปีหลังจากที่ Nestlé เปิดเผยแผนนี้
แผนของ Nestlé ยังเน้นลงทุนในธุรกิจน้ำดื่มบรรจุขวดเพิ่มขึ้น ร่วมกับธุรกิจกาแฟซึ่งทำให้ Nestlé ประกาศข้อตกลงหลายเรื่อง ดีลที่เขย่าโลกคือดีลมูลค่า 7 พันล้านเหรียญซึ่ง Nestlé ซื้อสิทธิในการขายกาแฟและชาของ Starbucks ให้ Nestlé สามารถขายสินค้า Starbucks ได้ในร้านขายของชำและร้านค้าปลีก
ความเคลื่อนไหวนี้ยังถูกมองว่าเป็นผลจากแรงกดดันของนักลงทุนตัวพ่ออย่าง Daniel Loeb ซึ่งแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่พอใจกับความพยายามของ Nestlé นักลงทุนรายนี้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าผู้บริหารและคณะกรรมการ Nestlé เนื้อความโดยรวมวิจารณ์ว่ากลยุทธ์ปัจจุบันของ Nestlé ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
สำหรับ Nestlé นั้นเป็นบริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปูฐานในตลาดอาหารสัตว์ไว้แล้ว ที่น่าสนใจคือเมษายนที่ผ่านมา Nestlé เทเงินซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัท Tails.com ซึ่งเป็นธุรกิจโภชนาการสุนัขแบบ direct-to-consumer ที่ขายตรงกับผู้บริโภคโดยไม่ผ่านร้านค้าปลีก บริการอาหารสัตว์สัญชาติอังกฤษนี้ถูก Nestlé ซื้อไปโดยไม่เปิดเผยมูลค่า
ปัจจุบัน ธุรกิจ pet-care ของ Nestlé ดันให้ organic sales ของบริษัทโตขึ้น 3% ในปีที่แล้ว ถือเป็นหน่วยธุรกิจที่เติบโตรวดเร็วอันดับ 2 รองจากธุรกิจกาแฟ การเติบโตนี้สวนทางกับธุรกิจขนมและอาหารสำเร็จรูปของบริษัท ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 0.3% และ 2.2% (ตามลำดับ) เท่านั้น
การเข้าซื้อ Champion เชื่อว่าจะสามารถช่วย Nestlé ขยายโอกาสในธุรกิจอาหารสัตว์ได้ก้าวกระโดด ซึ่งแม้ Champion จะเป็นบริษัทเอกชนที่ไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน แต่มีข้อมูลชี้ชัดว่า Champion และผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบอิงธรรมชาติรายอื่นกำลังเติบโตรวดเร็วกว่าเดิมมาก เนื่องจากผู้บริโภควันนี้ใส่ใจสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ากลุ่มอาหารธรรมชาติระดับไฮเอนด์ให้สัตว์เลี้ยงแสนรักมากขึ้น
สำหรับ Champion นั้นเป็นผู้จำหน่ายอาหารสุนัขและแมวภายใต้แบรนด์ Orijen และ Acana โดยระบุว่าเป็นอาหารจากเนื้อสด เนื้อสัตว์ปีก และปลาที่จับได้จากแหล่งธรรมชาติบนส่วนผสมที่ใช้แบบมีคุณภาพ บริษัทยังขายสินค้าในกว่า 80 ประเทศ ผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และหน่วยปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ ตลอดจนร้านค้าออนไลน์และร้านค้าออฟไลน์
รายงานระบุว่า Nestlé ไม่ได้เป็นบริษัทอาหารสำเร็จรูปรายเดียวที่วางเดิมพันในธุรกิจ pet-care ไฮเอนด์เพื่อกระตุ้นการเติบโตของบริษัท ในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทอย่าง General Mills Inc. ได้ตกลงซื้อ บริษัท Blue Buffalo Pet Products Inc. บริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงธรรมชาติมูลค่าราว 8 พันล้านเหรียญ เพื่อหวังให้การลงทุนนี้ช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงของธุรกิจจำหน่ายโยเกิร์ตและธัญพืช
ที่เห็นชัดคือเดือนที่ผ่านมา บริษัท Mars Inc ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในธุรกิจลูกอมและแบรนด์หมากฝรั่ง ประกาศซื้อบริษัทด้านสัตวแพทย์จากยุโรปชื่อ AniCura Holding AB จากกลุ่มทุน Nordic Capital ในยุโรปด้วยมูลค่าประมาณ 2 พันล้านยูโร (ราว 7.7 หมื่นล้านบาท) ถือเป็นดีลใหญ่ล่าสุดในอุตสาหกรรม pet-care ในกลุ่มบริษัทเอกชน
Mars นั้นเป็นอีกบริษัทที่ปักหลักในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมานาน เป็นเจ้าของแบรนด์ใหญ่เช่น Iams, Pedigree และ Royal Canin.
ที่มา :
- https://www.wsj.com/articles/nestle-in-talks-to-buy-pet-food-maker-for-2-billion-1530531553
- https://www.marketwatch.com/story/nestle-in-talks-to-buy-petfood-maker-for-2b-2018-07-02