โดฟ ภายใต้ บริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เดินหน้าสานต่อ โครงการ Dove self – esteem project สร้างความเข้าใจเรื่องความสวยที่แตกต่าง และปลูกฝังให้เด็กผู้หญิงมีความมั่นใจในหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เพราะความสวยและรูปร่างหน้าตาภายนอกไม่ควรถูกนำมาเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็ก โดฟเชื่อว่าการปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตของของชาติตั้งแต่ยังเด็กนั้น สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน โดย โดฟ ได้ผสานความร่วมมือกับโรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานครฯ และปริมณฑล เพื่อสามารถเข้าถึงและปลูกฝังทัศนคติความเข้าใจให้กับเด็กนักเรียนหญิงในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นกิจกรรมประจำปี 2561 ณ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย นำทีมโดย ผู้บริหาร บริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด, รถเมล์ คะนึงนิจ, ก้อย อรัชพร, โอ๋ ฟูตอง และเหล่าอาสาสมัครอีกมากมาย เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
ผลการวิจัยระดับโลกโดยโดฟ เรื่องความมั่นใจในความงามของเด็กผู้หญิงทั่วโลก ประจำปี 2560 ที่ได้รวบรวมจากกระบวนการสัมภาษณ์เด็กผู้หญิงอายุ 10-17 ปี จำนวน 5,165 คน จาก 14 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงการทดสอบ การรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์และคำถามเชิงวิชาการ เพื่อความมั่นใจในระดับความเข้าใจสำหรับทุกคน เผยให้เห็นว่า 80% ของเด็กผู้หญิง ปิดกั้นตัวเองจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในสังคม เนื่องจากขาดความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาภายนอกของตัวเอง ส่งผลกระทบไปถึงการพัฒนาศักยภาพของเด็กที่ไม่สามารถค้นพบและดึงความสามารถของตัวเองออกมาได้เต็มที่ ด้วยเหตุนี้ โดฟ จึงมุ่งมั่นขอเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านมุมมอง ทัศนคติและการดำเนินชีวิตของเด็กผู้หญิง ให้มีความมั่นใจในความสวยในแบบฉบับของตัวเอง โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นให้กับเด็กๆทุกโรงเรียน เน้นการเปลี่ยนมุมมองของเด็กที่มีต่อตัวเองให้ไปในทิศทางบวกมากขึ้น โดยเริ่มจากการสร้างความเข้าใจมุมมองและค่านิยมความสวยความงามที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศทั่วโลก และการกรอบความคิดและทัศนคติเรื่องความสวยที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้เด็กๆได้มั่นใจและเข้าใจว่า ความสวยไม่ได้มีคำจำกัดความหรือรูปแบบเดียวที่ตายตัว นอกจากนี้ โดฟ ให้เด็กๆได้ลองสังเกตข้อดีและข้อเสียของตัวเองผ่านมุมมองของตัวเด็กเอง และมุมมองของผู้อื่น เพื่อให้เด็กๆได้เห็นว่าบางอย่างที่คิดว่าเป็นข้อเสียของตัวเองนั้น จริงๆแล้วเป็นข้อดีที่น่าชื่นชมในสายตาของผู้อื่น และสุดท้ายให้เด็กๆได้ตระหนักถึงความสำคัญของคำพูด ปรับมุมมองจากการชอบพูดล้อเลียนจุดด้อยของเพื่อนๆ มาเป็นมองหาข้อดีในตัวเพื่อน พูดเสริมสร้างความมั่นใจให้กันและกันมากขึ้น เพื่อการสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยพลังบวก ที่พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศไทย