สหภาพยุโรปได้มอบหมายให้เทเลนอร์กรุ๊ป หนึ่งในผู้ถือหุ้นของดีแทค และเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่สำคัญในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ยุโรปกลางและตะวันออก รวมถึงแถบเอเชีย ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้กับโครงการใหม่ในการบุกเบิกและเร่งผลักดันให้เทคโนโลยี 5G เกิดขึ้นทั่วทวีปยุโรป โครงการนี้มีชื่อเรียกว่า 5G Verticals INNovation Infrastructure (5G-VINNI) เกิดขึ้นโดยความร่วมมือของพันธมิตรจำนวน 23 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการจากภาคอุตสาหกรรม
โครงการนี้ถูกริเริ่มขึ้นเพื่อผลักดันให้เทคโนโลยี 5G เกิดขึ้นในทวีปยุโรปโดยการสร้างโครงสร้างโครงข่ายครบวงจรสำหรับทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G และวิจัยหาโซลูชั่น สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวโดยตรง เช่น ความปลอดภัยสาธารณะ, ระบบสารสนเทศสุขภาพ, การขนส่ง, ด้านสื่อและความบันเทิง และอุตสาหกรรมยานยนต์
นายแพทริค วอลเดอร์มา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทเลนอร์ และผู้บริหารโครงการ เปิดเผยว่า “เราภูมิใจที่ได้รับโอกาสให้เป็นผู้ประสานงานของโครงการ 5G-VINNI เพื่อหาแนวทางการวิจัยและพัฒนาโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในอนาคต การเป็นหนึ่งในสามของเทสต์แพลตฟอร์มที่ใหญ่ของยุโรป 5G-VINNI จะช่วยในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยเป้าหมายของเราคือการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทดสอบการใช้งาน ซึ่งตอนนี้เราได้ร้องขอให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทั่วทั้งทวีปยุโรปเข้าร่วมกับโครงการนี้”
ศูนย์ทดสอบโครงข่าย 4 แห่งทั่วทวีปยุโรป
โครงการนี้จะนำเอาเทคโนโลยี 5G ล่าสุด รวมถึงผลการทดสอบจากหลายโครงการย่อยที่ผ่านมาภายใต้โครงการ 5G PPP โดยจะใช้เทคโนโลยีโครงข่ายเสมือน (Network Virtualization) โครงข่ายแยกส่วน (Slicing)และคลื่นวิทยุและโครงข่ายแกนหลัก (Radio and Core) นอกจากนี้ระบบทดสอบอัตโนมัติอันเข้มงวดจะถูกนำมาใช้ประเมินผลการใช้งาน 5G ภายใต้การผสมผสานของเทคโนโลยีและโครงข่ายแบบต่าง ๆ
โครงสร้างโครงข่ายหลักของ 5G-VINNI ทั้ง 4 แห่งจะถูกสร้างขึ้นในประเทศนอร์เวย์ สหราชอาณาจักร สเปนและกรีซ พร้อมกับศูนย์ทดลองที่จะถูกสร้างขึ้นในประเทศเยอรมนีและโปรตุเกส โดยระบบ Open APIs จะถูกนำมาใช้งานเพื่อให้การเชื่อมต่อกับระบบของ 5G-VINNI เป็นไปได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น
ศูนย์ทดสอบโครงข่าย 5G ในนอร์เวย์จะถูกบริหารจัดการโดยศูนย์วิจัยเทเลนอร์ เทเลนอร์ นอร์เวย์ และเทเลนอร์ แซทเทลไลท์ โดยโครงข่ายนำร่องจะถูกสร้างขึ้นเป็นที่แรกที่เมืองคองส์เบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ และอีกแห่งในเขตเมืองออสโล ทางโนเกียจะจัดสร้างแพลตฟอร์มเสมือน (Virtualization Platform) และการจัดการระบบเป็นกลุ่มแบบครบวงจร (End-to-End Orchestration) ขณะที่อีริคสัน และหัวเหว่ยจะให้การสนับสนุนอุปกรณ์คลื่นวิทยุและโครงข่ายหลัก (5G Radio and Core) ส่วนซิสโก้จะสนับสนุนอุปกรณ์ IoT (Distributed IoT Data Fabric Service)
โดยโครงการมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี ด้วยงบประมาณ 20 ล้านยูโร
เกี่ยวกับ 5G-VINNI
โครงการ 5G Verticals INNovation Infrastructure (5G-VINNI) เป็นหนึ่งในโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนภายใต้โครงการ Horizon 2020 ของสหภาพยุโรป โครงการ5G-VINNI ช่วยสนับสนุนและผลักดันเทคโนโลยี 5G ในทวีปยุโรป โดยการสร้างระบบโครงข่ายสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G และวิจัยหาโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ความปลอดภัยสาธารณะ, ระบบสารสนเทศสุขภาพ, การขนส่ง, ด้านสื่อและความบันเทิง และอุตสาหกรรมยานยนต์ โครงการนี้จะอยู่ภายใต้การประสานงานของเทเลนอร์กรุ๊ป และจะดำเนินการเป็นระยะเวลา 3 ปีในนอร์เวย์ สหราชอาณาจักร สเปน กรีซ เยอรมนีและโปรตุเกส โดยมีงบประมาณอยู่ที่ 20 ล้านยูโร
วัตถุประสงค์ของโครงการ 5G-VINNI:
- ออกแบบศูนย์ทดสอบ 5G อันทันสมัยและครบวงจร
- สร้างโครงข่ายเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลักของ 5G-VINNI
- จัดเตรียมระบบการจัดการเป็นกลุ่มอัตโนมัติ (Zero-touch Orchestration) รวมถึงระบบปฏิบัติการและบริหารระบบโครงข่ายของ 5G-VINNI
- วัดผล KPIs ของโครงข่าย 5G และรองรับการทดสอบโซลูชั่นครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อยืนยันขีดความสามารถของ 5G-VINNI
- พัฒนารูปแบบธุรกิจและระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานโครงข่าย 5G-VINNI ตลอดช่วงอายุของโครงการและต่อไปในอนาคต
- สาธิตคุณประโยชน์ของโซลูชั่น 5G ที่มีต่อสังคม เพื่อเสริมสร้างมาตรฐานและชุมชนโอเพนซอร์ส เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความยอมรับต่อบริการ 5G ในวงกว้าง
สมาชิกของโครงการ 5G-VINNI:
Telenor Group (กลุ่มเทเลนอร์) ศูนย์วิจัยเทเลนอร์ เทเลนอร์ นอร์เวย์ และเทเลนอร์ แซทเทลไลท์, British Telecom (สหราชอาณาจักร), Telefonica (สเปน), SES (ลักเซมเบิร์ก), Huawei (นอร์เวย์และเยอรมนี), Ericsson (นอร์เวย์), Nokia (นอร์เวย์), Samsung (สหราชอาณาจักร), Intracom (กรีซ), Keysight (เดนมาร์ก), Cisco (นอร์เวย์), Alticelabs (โปรตุเกส), Engineering (อิตาลี), AUEB (กรีซ), UC2M (สเปน), Simula (นอร์เวย์), Uni.Patras (กรีซ), Fraunhofer FOKUS (เยอรมนี), EANTC (เยอรมนี), Limemicro (สหราชอาณาจักร), SRS (ไอร์แลนด์), and Eurescom (เยอรมนี)