เป็นที่รู้กันว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Aged Society) นั่นคือ ประชากรกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งประเทศ
ดังนั้น “ผู้บริโภคกลุ่มผู้สูงวัย” จะกลายเป็นกลุ่มสำคัญที่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ตลอดจนนักการตลาดต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับ “โอกาส” ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
“8 ปีที่ผ่านมาเราเห็นว่าไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งคนกลุ่มนี้จะให้ความสนใจในการเลือกสินค้าเพื่อบริโภค เพราะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงตอบโจทย์สูตรน้ำตาล 2% ที่อุดมด้วยจุลินทรีย์และแลคโตบาซิลลัสเพื่อช่วยในระบบขับถ่าย” สกุล สุขสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย บริษัท บีทาเก้น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมเปรี้ยว “บีทาเก้น” กล่าว
จากการคาดการณ์ตลาดล่วงหน้าและนำไปสู่การปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในอนาคต จนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ส่งผลให้บีทาเก้นได้รับรางวัล “แบรนด์ดาวรุ่งในกลุ่มผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย ในกลุ่มสูงวัย” จากผลวิจัยรายงานชุดพิเศษ “Brand Footprint 2018” ที่จัดทำโดยบริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) หรือ KWP ผู้นำด้านการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคเชิงลึก ที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้า FMCG
สกุลเผยว่าช่วงแรกที่เริ่มทำตลาดนมเปรี้ยวสูตรน้ำตาล 2% การตอบรับยังค่อนข้างน้อย จนกระทั่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% ลูกค้ากลุ่มใหญ่สุดอายุ 49 ปีขึ้นไป เพราะใส่ใจเรื่องสุขภาพ และรสชาติถูกปาก โดย Key Success ที่ทำให้บีทาเก้นประสบความสำเร็จในวันนี้ได้มี 3 ข้อด้วยกัน คือ
Never Stop Improving ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในเรื่องการวิจัยและพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิต กระบวนการบรรจุ คลังสินค้าที่สามารถเก็บได้ถึง 7 ล้านขวด ได้รับมาตรฐานจากทั่วโลก ปัจจุบันได้มีการตั้งบริษัทในต่างประเทศเพื่อส่งออกสินค้าไปยังแถบอินโดไชน่า
Excellent Distribution มีระบบโลจิสติกส์ที่ดีเพื่อเก็บของสดให้คงคุณภาพได้ยาวนานที่สุด ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 5 องศา มีรถควบคุมความเย็นกว่า 100 คัน เพื่อกระจายไปยังช่องทางจำหน่าย 2 ช่องทางคือ
Traditional Trade มีส่วนแบ่งการขายจากช่องทางนี้ 60% มีศูนย์กระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีคลังสินค้าย่อยควบคุมความเย็น 2-6 องศา อีก 237 คลังสินค้าทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีตัวแทนขายทั่วประเทศอีก 2,500 คน โดยตัวแทน 1 คนจะบริการร้านค้าตู้แช่ ประมาณ 40-50 ร้านค้า และฐานลูกค้าสมาชิกประมาณ 150 คน
Modern Trade มีส่วนแบ่งการขายประมาณ 40% บีทาเก้นวางจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และซูเปอร์มาร์เก็ต มากกว่า 15,900 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งบีทาเก้นมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทาง Modern Trade ประมาณ 70% ในกลุ่มสินค้านมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์
Best Taste พัฒนารสชาติให้หอมอร่อย ถูกปาก และเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย
ปัจจุบัน ได้เปิดบริษัท บีทาเก้น เวียดนาม จำกัด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสามรองจากอันดับ 1 คือไวนามิลค์ อันดับ 2 คือยาคูลท์ และอันดับ 3 คือบีทาเก้น โดยตลาดหลักในเวียดนามของบีทาเก้น คือ ดานัง, โฮจิมินห์ ซิตี้ และฮานอย
ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดบริษัท บีทาเก้น (ยูนนาน) จำกัด เพื่อบุกตลาดจีน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยมองเห็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบและติดใจในรสชาติของบีทาเก้น แล้วเกิดการบอกต่อให้คนที่มาเที่ยวในไทยมาลองชิม จึงได้เปิดบริษัทเพื่อส่งออกโดยเฉพาะ ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น ลาว เมียนมาร์ สิงคโปร์ มาเลเซีย จะเป็นการทำตลาดในรูปแบบตัวแทนจำหน่าย
เป้าหมายการบุกตลาดต่างประเทศของบีทาเก้นคือ การเป็นนมเปรี้ยวแลคโตบาซิลัส อันดับ 1 ในตลาดแถบอินโดไชน่า โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้ารายได้ส่งออกเพิ่มขึ้นกว่า 10% ของรายได้รวม เช่นเดียวกับการเติบโตของรายได้รวมทั้งหมดที่ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 10% เช่นกัน โดยปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท.