SF ตอบรับกระแส Cashless Society ตั้งเป้ายอดขายออนไลน์โต 30% ในปี 61

ด้วยพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ที่เติบโตขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ “การซื้อตั๋วหนัง” ที่ตอบโจทย์ Movie Lovers ทั้งการจองที่นั่งและการจ่ายเงิน ผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ช่วยเติมเต็มการดูหนังให้สะดวก ง่ายดายกว่าที่เคย พร้อมทั้งตอกย้ำการเข้าสู่ยุค Cashless Society อีกด้วย

“พฤติกรรมผู้บริโภคในวันนี้คือต้องอำนวยความสะดวกให้เข้ากับโลกดิจิตอล” สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยถึงที่มาของการลงทุนพัฒนาระบบไอทีกว่า 100 ล้านบาท ด้วยการขยาย Bandwidth ระบบหลังบ้าน ปรับปรุงแอปพลิเคชั่น SF Cinema และเว็บไซต์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าจากการซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์

แล้วยังร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายตั๋วหนังของเอสเอฟ ไม่ว่าจะเป็น KBANK, SCB, AIRPAY และ BLUEPAY เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อตั๋วหนังได้ล่วงหน้าก่อนที่จะเดินทางมาถึงหน้าโรงภาพยนตร์

โดยยอดการซื้อตั๋วหนังผ่านออนไลน์ของเอส เอฟ ในปี 2559 อยู่ที่ 7% ปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 15% ส่วนปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 30% และในอนาคตสามารถโตได้ถึง 50% ซึ่งต้องให้ความรู้เรื่องการใช้งานผ่านออนไลน์กับลูกค้าต่างจังหวัดให้มากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อตั๋วหนังผ่านออนไลน์ของเอสเอฟ ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ รองลงมาคือเชียงใหม่ ขอนแก่น และพัทยา

“เรื่อง Jurassic World ที่เพิ่งเข้าฉายเมื่ออาทิตย์ก่อนมียอดซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ถึง 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนโรงหนังเปิด”

ดังนั้นการพัฒนาระบบ Bandwidth หลังบ้านให้มีความเสถียรจึงมาช่วยรองรับความต้องการส่วนนี้ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงที่มีหนังดังจากฮอลลีวู้ดเข้ามาทำตลาด หากไม่เตรียมการส่วนนี้ให้ดีอาจทำให้เว็บล่มเพราะจำนวนการจองที่เข้ามามากจนระบบหลังบ้านรวน และเกิดปัญหาความไม่พอใจจากลูกค้าตามมาได้

ซึ่งนอกจากการซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ที่ชำระผ่านบัตรเครดิต และบัตรเดบิตได้แล้ว เอสเอฟยังออกบัตรสมาชิก SF Movie Club Card ให้ใช้แทนบัตรเงินสด สำหรับซื้อตั๋วหนัง ป๊อบคอร์น และเครื่องดื่ม โดยรวมทุกบัตรสมาชิกที่เคยมีทั้ง Student Card, General Card, Senior Card และ Kid Card มาไว้ในบัตรใหม่นี้ทั้งหมด แล้ววิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย Data Analysis เพื่อนำเสนอแคมเปญต่างๆ ที่ตอบโจทย์การดูหนังของลูกค้าประจำในทุกกลุ่ม ทุกวัย เช่น นักเรียน นักศึกษา ที่ซื้อตั๋วหนังผ่าน SF Movie Club Card ได้ส่วนลด 70 บาท ทุกเรื่อง ทุกรอบ

“เรานำทุกบัตรที่เคยทำมารวมกันเพื่อให้เป็นถังข้อมูลเดียวกัน และแยกตามอายุของผู้ใช้งาน เราใช้ Big Data มาวิเคราะห์ คนที่มีบัตรเราอยู่แล้วก็เปลี่ยนมาใช้บัตรนี้ได้ฟรี ซึ่งเรามีฐานข้อมูลเดิมของลูกค้าอยู่แล้ว”

แม้จะมาทีหลังบัตร M Gen ของฝั่งเมเจอร์ แต่สิทธิพิเศษที่เอสเอฟมอบให้นับว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับคอหนัง ด้วยโปรโมชั่น “ยิ่งดู ยิ่งลด(ราคา)” โดยมีส่วนลดเริ่มต้นเมื่อดูหนัง 1-5 เรื่อง รับส่วนลดที่นั่งละ 20 บาท ดู 6-12 เรื่อง รับส่วนลด 25 บาท ดู 13-18 เรื่อง รับส่วนลด 30 บาท และ ดู 19 เรื่องขึ้นไป รับส่วนลด 35 บาท รวมถึงรับสิทธิ์ซื้อตั๋วหนัง 1 ที่นั่ง ฟรี 1 ที่นั่ง ภายในสัปดาห์เกิด

ขณะที่บัตร M Gen ของเมเจอร์แบ่งออกเป็นหลายเซกเมนต์ ทั้งแบ่งตามอายุ และพฤติกรรม มีทั้งบัตรที่ใช้สะสมแต้มพร้อมเติมเงิน เป็นบัตรเครดิตร่วมกับธนาคารอิออน รวมถึงเป็นบัตรที่ใช้งานร่วมกับ Rabbit Card เพื่อรองรับลูกค้า BTS ด้วย ซึ่งสิทธิพิเศษจะแตกต่างกันไปในแต่ละเซกเมนต์ของบัตร

สำหรับการขยายสาขา ในปีนี้มีทั้งหมด 6 สาขาด้วยกัน ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 500 ล้านบาท คือ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า สาขาท็อปส์ พลาซ่า พะเยา ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง ขยายเพิ่มเติม อีก 5 สาขา โดยเป็นพันธมิตรกับโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ชลบุรี, บิ๊กซี สระแก้ว, บิ๊กซี สมุทรสงคราม, บิ๊กซี เพชรเกษม และเทอร์มินอล 21 พัทยา และมีแผนรีโนเวทสาขาเซ็นทรัลเวิร์ลให้สวยงาม ทันสมัยยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังนำเสนอทางเลือกใหม่ของการชมภาพยนตร์ที่ได้อรรถรส ด้วยโรงภาพยนตร์ Zigma CineStadium ที่นำความสมบูรรณ์แบบด้านเทคโนโลยีภาพและเสียงด้วย Giant Screen จอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ รองรับด้วยเครื่องฉายภาพยนตร์ Digital 4K Laser Technology ซึ่งให้ภาพคมชัดสูงสุด พร้อมระบบเสียง Dolby ATMOS รอบทิศทาง และที่นั่งแบบ Super Stadium ซึ่งเพิ่มระยะห่างของที่นั่งให้ดูหนังได้อย่างสบาย โดยจะมีทั้งหมด 400 – 500 ที่นั่ง และมีแผนเพิ่มโรงพิเศษนี้ที่สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลพระรามเก้า และห้างสรรพสินค้าเมญ่า ที่เชียงใหม่

ปีที่ผ่านมา เอสเอฟมีรายได้รวมกว่า 4,200 ล้านบาท มีกำไรกว่า 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2559 โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากโรงภาพยนตร์ 2,700 ล้านบาท เติบโต 3% ขายอาหารและเครื่องดื่ม 775 ล้านบาท เติบโต 12% สื่อโฆษณา 430 ล้านบาท เติบโต 28% และส่วนงานอื่น 300 ล้านบาท เติบโต 4% รวมทั้งได้มีการขยายสาขาเพิ่ม 4 สาขา ได้แก่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ราชบุรี, บิ๊กซี เพชรบุรี, เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา และเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย

ส่วนปี 2561 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท กำไร 300 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนจากการจำหน่ายตั๋วหนัง 3,200 ล้านบาท ขายอาหารและเครื่องดื่ม 900 ล้านบาท สื่อโฆษณา 520 ล้านบาท ส่วนงานอื่น 380 ล้านบาท

ปัจจุบัน เอส เอฟ มีโรงภาพยนตร์ในเครือทั้งหมด 57 สาขา 371 โรงภาพยนตร์ รวมกว่า 81,300 ที่นั่ง รวมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีก 27 จังหวัด (แบ่งเป็นกรุงเทพ 20 สาขา 166 โรงภาพยนตร์ และต่างจังหวัด 37 สาขา 205 โรงภาพยนตร์).