กลุ่มบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ ผนึกกำลัง 6 บริษัทในเครือ ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยศาสตร์และศิลป์ แนวถนัดในของแต่ละองค์กร เพื่อสร้างไอเดียการสื่อสารการตลาดอันทรงพลังและแตกต่าง ไม่ลิมิตอยู่แค่ในกรอบเดิมๆ พร้อมเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจของแบรนด์
กลุ่มบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประกอบไปด้วย บริษัทในเครือ อาทิ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน (J. Walter Thompson) ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนดิ้ง, มายรัม (Mirum) ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิตัล, ดีกรี (Degree) ผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ, เวิรฟ (Verve) ผู้เชี่ยวชาญด้านงานประชาสัมพันธ์ จีทีบี(GTB) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารสินค้ายานยนต์ และคามิลเลี่ยน (Chameleon) ผู้เชี่ยวชาญด้านงานดิจิตัลคอนเทนท์และโปรดักชั่น โดยมาร่วมมือกันภายในกลุ่มบริษัท เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ จะวิเคราะห์จากความต้องการของลูกค้าและความต้องการของธุรกิจ และนำความเชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ ของทางบริษัทฯ มาผสมผสานกัน เพื่อช่วยพัฒนาและสร้างสรรค์ให้แคมเปญ หรือ โปรดักต์ที่ทางลูกค้าต้องการจะนำเสนอสู่ตลาด ให้เกิดความสดใหม่ และกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตอบสนองกับแคมเปญ หรือโปรดักต์นั้นๆ มากที่สุด
ตัวแทนของผู้บริหารจากกลุ่ม เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ทางกลุ่มผู้บริหารของแต่ละองค์กรในเครือเจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ได้มองเห็นศักยภาพของบริษัทเราในเครือ และคิดว่าหากเรามาผนึกกำลังกันสร้างสรรค์งานให้ลูกค้าร่วมกัน มันน่าจะเกิดผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นที่พอใจของลูกค้า ด้วยความเชี่ยวชาญในศาสตร์และศิลป์ ทักษะ ข้อมูล และเทคโนโลยีเฉพาะในต่างสาขากัน ที่ทางเราได้ลองร่วมคอลแลบอเรชั่นกันไปแล้วในบางแคมเปญ และได้ผลตอบรับที่น่าพึงพอใจกับลูกค้าเป็นอย่างมาก จุดนี้จึงเป็นการจุดประกายให้องค์กรของเราเริ่มจับมือคอลแลบบอเรชั่นข้ามองค์กรกันมากขึ้น และแน่นอนว่าทั้งลูกค้าและผู้บริโภคจะได้เห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นในวงการโฆษณาอีกมากมาย ซึ่งไม่เพียงทางลูกค้าเท่านั้นที่เป็นฝ่ายวิน ทางพนักงานในองค์กรเองก็เป็นฝ่าย วินด้วย เพราะพวกเขาจะได้เรียนรู้ทักษะ และความรู้การทำงาน จากความชำนาญของแต่ละฝ่ายที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน เป็น ความความรู้ใหม่ที่จะติดตัวพวกเขาไปในการทำงานต่อไปในอนาคตด้วย”
“โดยทางเราได้ตั้งเป้าเป็นเอเจนซี่ท็อป 3 ของเมืองไทยภายในปี 2562 ซึ่งการที่เราจะไปถึงเป้าหมายได้นั้น บุคคลากรในองค์กรของเราซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ต้องร่วมมือกันและพัฒนาไปพร้อมกับเราด้วย โดยในเครือเจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ เอง เราได้เล็งเห็นความสำคัญตรงจุดนี้จึงได้จัด 2018 Talent Development Program ขึ้นมาเพื่อพัฒนา บุคลากรของเราให้ด้านต่างๆ อาทิ Local Training Program ทั้งความรู้ความเข้าใจด้านการตลาด และธุรกิจ, หลักสูตรสำหรับยุค ดิจิตัล, ความรู้เฉพาะทางอย่าง งานดีไซน์ และการทำพรีเซนเทชั่น หรือการเจรจาต่อรอง Network Training Program โปรแกรมการเทรนนิ่งที่ให้บุคคลากรได้ลองสัมผัสประสบการณ์ในการทำงานใหม่ๆ อาทิ In Your Shoes โปรแกรมการแลกเปลี่ยนพนักงาน ที่ให้พนักงานผู้ที่มีความสนใจ และโดดเด่น ได้ลองไปทำงานในบริษัทในเครือในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอื่นๆ อย่าง Young Tiger และ HIP อีกด้วย Self-Training Program โปรแกรมที่พนักงานสามารถเลือกเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ทุกที่ ทุกเวลา เช่น Lynda.com ที่ในบางครั้งจะมีการไลฟ์ เวิร์คช้อป หรือคลาสเรียน ให้ได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน Knowledge & Inspiring Talk ที่ได้เชิญวิทยากรชั้นนำ มาให้ความรู้และแรงบันดาลใจในการทำงาน เพื่อให้พนักงานมีแรงขับเคลื่อนพร้อมพลังบวกที่ดีในทุกๆ วัน และการแชร์ข้อมูลเบื้องต้นของแต่ละองค์กร ให้คนภายนอกองค์กรได้รู้จักทั้ง เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน, มายรัม, เวิรฟ, ดีกรี จีทีบี และ คามิลเลี่ยน และโปรแกรมสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นใน Q3 ของปีนี้คือ Rising Star Recognition Program สำหรับพนักงานที่ร่วม คอลแลบบอเรชั่นกับแผนกอื่นๆ นอกองค์กรดีเด่นในอนาคตอีกด้วย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โปรแกรมทั้งหมดของเราจะเพิ่มความสุขให้พนักงานทั้งเจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ออฟฟิสทั่วเอเชีย แปซิฟิก และเป็นเอเจนซี่ที่มีพนักงานมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดในประเทศไทย ภายในปี 2563” ตัวแทนผู้บริหารเจ. วอลเตอร์ ธอมสันกล่าวเสริม