‘บรรจุภัณฑ์แก้ว’ เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และเภสัชภัณฑ์ เป็นตลาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากแก้วเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลจาก Global Data Plc. ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยระดับโลกระบุว่า ภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทยในปี 2560 มีมูลค่ากว่า 7.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี 2565 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.2%
นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าที่ถูกนำไปใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม และมีความยั่งยืนเนื่องจากสามารถนำวัตถุดิบ (แก้ว) กลับมารีไซเคิลใหม่ได้ 100% จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในแวดวงอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้ว บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ ‘BGC’ ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อวัดจากกำลังการผลิต โดยปัจจุบันมี บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) (ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบุญรอดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) ซึ่งอยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 44 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากโรงงานผลิตแก้วที่มีเตาหลอมเพียง 1 เตา ภายใต้การดำเนินงานของ บางกอกกล๊าส ก่อนปรับโครงสร้างโดยการโอนธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วให้แก่ BGC
ฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์ 5 แห่ง
ข้อมูล ณ สิ้นปี 2560 BGC มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ 5 แห่ง กระจายใน 5 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ขอนแก่น ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา และระยอง มีกำลังการผลิตรวมกันทั้งสิ้น 3,095 ตันต่อวัน (ไม่รวมกำลังการผลิตของโรงงานระยองที่ปิดเตาหลอมเมื่อเดือน ธ.ค. 2560) ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย และยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตอีก 1 แห่งที่จังหวัดราชบุรี คาดว่าเปิดดำเนินการผลิตภายในปีนี้ และจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็น 3,495 ตันต่อวัน ขณะเดียวกันจากข้อมูลของ Global Data Plc. BGC ก็มีส่วนแบ่งตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วกว่า 39% สูงเป็นอันดับหนึ่งของตลาดบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศเมื่อวัดจากกำลังผลิต
BGC มีการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วหลากหลายรูปแบบ เช่น ขวดเบียร์ ขวดยา ขวดซอส ขวดเครื่องดื่ม และขวดใส่อาหารต่าง ๆ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์และเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ และมีการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย เวียดนาม เมียนมา ศรีลังกา สเปน เกาหลีใต้ ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมความงาม เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต
บริษัทฯ วางกลยุทธ์เน้นการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น บรรจุภัณฑ์ยา บรรจุภัณฑ์ที่มีรูปแบบซับซ้อน หรือบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้จะทำให้มูลค่าต่อตันผลิตของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีอัตรากำไรที่สูงกว่าบรรจุภัณฑ์แก้วทั่วไปด้วย
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วยังมีเทรนด์สนับสนุนจากความนิยมในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สำหรับ Personal Care และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะใช้บรรจุภัณฑ์แก้วเป็นส่วนใหญ่ เพราะทำปฏิกิริยาเคมีน้อยกว่าวัตถุดิบอื่น ๆ ประกอบกับเทรนด์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์แก้วมากขึ้น เนื่องจากสามารถรีไซเคิลใหม่ได้ 100% ตอบรับ Mega Trend นี้
จากการขยายตัวของธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วกลายเป็นธุรกิจในซัพพลายเชนที่น่าจับตามอง จากศักยภาพการเติบโตที่ดีและความต้องการใช้สินค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bgc.co.th