เหนือกว่ากาแฟไนโตรของสตาร์บัคส์ก็ต้อง Ratio Coffee ที่จีนนี่เลย

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว้าว!! กับนวัตกรรมในร้านสตาร์บัคส์อย่างกาแฟไนโตร (Nitro Coffee) คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ต้องอึ้งกับไอเดียการให้บริการของร้านกาแฟในจีน ที่ล้ำหน้าไปอีกด้วยเทคโนโลยี พร้อมกับส่งสัญญาณการคืบคลานเข้ามาของ AI แม้กระทั่งในร้านกาแฟ

ผลสำรวจล่าสุดจาก Statista เผยว่า อุตสาหกรรมกาแฟกำลังเติบโตเป็นอย่างมากในจีน การบริโภคกาแฟโดยเฉลี่ยต่อคนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 18% ในช่วง 2014-2019 ซึ่งสูงกว่า 0.9% ในสหรัฐฯ และ 3.5% ในญี่ปุ่น

Li Yao พาร์ตเนอร์ของ Tsing Venture สาวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในจีน ให้ภาพของคนจีนรุ่นใหม่ว่า

คนรุ่นใหม่ของจีนติดนิสัยที่ต้องถือเครื่องดื่มไว้ในมือ ไม่จำกัดว่าจะเป็นชา ชานม หรือกาแฟ

ภาพสะท้อนนี้คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สตาร์บัคส์ (Starbucks) เป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่เติบโตได้ดีแบรนด์หนึ่งในจีน เพราะเป็นแบรนด์ที่คอกาแฟจีนนิยมมาก และมีส่วนแบ่งมากถึง 51% ของตลาดร้านกาแฟในจีน แถมสตาร์บัคส์เองก็ยังประกาศว่าจะขยายสาขาเพิ่มในจีนให้ได้ถึง 5 พันแห่ง แม้จะดูว่าเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับตลาดจีนตัวเลขนี้ก็อาจจะไม่มากพอที่จะเติมเต็มความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคจีนที่มีอยู่ได้ทั้งหมดอยู่ดี   

Ratio – รสชาติแห่งอนาคต

แต่จีนก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ รอการขยายตัวของสตาร์บัคส์ และมีไอเดียค้าปลีกแนวใหม่เกิดขึ้นให้เห็นเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ร้านกาแฟ ซึ่งล่าสุดมีบริการ Ratio การให้บริการกาแฟด้วยรูปแบบบริการใหม่ด้วยหุ่นยนต์ ที่กำลังกลายเป็นที่สนใจแพร่หลายทั่วประเทศจีน

Ratio เป็นคอนเซ็ปต์การค้าปลีกที่มีการใช้พลังของเทคโนโลยีในการจัดส่งกาแฟและเครื่องดื่มค็อกเทลส่วนตัวสำหรับลูกค้า และคอกาแฟ ซึ่งมักประสบปัญหากับรสชาติที่ไม่คงที่ จากการชงกาแฟที่หนักมือไป เบามือไป ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีความต้องการรสเฉพาะ การมีหุ่นยนต์บาริสต้าที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟในอัตราส่วนที่เป๊ะแบบเดิมทุกครั้งที่ชง จึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ร้านกาแฟหุ่นยนต์ หรือ robo-café ที่ออกมาใช้ไอเดียนี้ ใช้ชื่อว่า Ratio เกิดจากไอเดียของ Gavin Pathross ที่มาเปิดร้าน robo-café ในเดือนมิถุนายนปี 2018 หลังจากใช้เวลา 3 ปีในการนำ digital transformation มาใช้กับ Yum China ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Yum! Brands Inc แล้วเขาก็นำประสบการณ์ที่สะสมมาประยุกต์สู่วงการกาแฟและเครื่องดื่มเช่นกัน

Gavin Pathross at his Ratio coffee shop / Photo credit: Ratio

Gavin Pathross เป็น Chief Digital Officer ของ Yum! Brands Inc เจ้าของลิขสิทธิ์ พิซซ่าฮัท (Pizza Hut) ทาโกเบล (Taco Bell) และเคเอฟซี (KFC) มีหน้าที่หากลยุทธ์เกี่ยวกับดิจิทัลมาช่วยธุรกิจแบบดั้งเดิม เช่น ยัม เพื่อสร้างโอกาสใหม่และผ่านเรื่องท้าทายไปได้ ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับบริการเดิมที่มีอยู่ อาทิ การใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ การพัฒนาอีคอมเมิร์ซ สื่อสังคมออนไลน์ บิ๊กดาต้า รวมไปถึงเรื่องของหุ่นยนต์อัจฉริยะ

ต้องการสั่งกาแฟหรือค็อกเทล สิ่งที่คุณต้องมีคือโทรศัพท์ก็พอ

ไอเดียของ robo-café เมื่อเปิดให้บริการจึงเกิดสมยุคดิจิทัล เพราะแค่มีมือถือก็สั่งกาแฟหรือค็อกเทลกินได้แล้ว โดยร้าจะมี QR-code ของ Ratio ให้สแกน หลังจากสแกนแล้ว ผู้บริโภคก็สามารถสั่งกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ บนมือถือได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวให้ยุ่งยาก โดย Ratio ได้ผูกบัญชีไว้กับระบบของ Wechat Pay

เครื่องดื่มจาก Ratio มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น เลือกประเภทของเมล็ดกาแฟ ระดับความหวานประเภทของนมและอื่นๆ ทั้งนี้แอปพลิเคชั่นที่ใช้สแกนสั่งเครื่องดื่มยังสามารถแสดงจำนวนผู้เข้าคิวและระยะเวลาที่ต้องรอโดยประมาณให้ด้วย

การใช้งานผ่านระบบดิจิทัล 100% แม้กระทั่งบาริสต้าก็ยังเป็นหุ่นยนต์ ทำให้ Ratio มีคุณสมบัติที่ดีในการเก็บข้อมูล หรือบิ๊กดาต้า ที่รวบรวมข้อมูลของผู้บริโภคและศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของชาวจีนด้วยการใช้พลังแห่งปัญญาประดิษฐ์ ที่จะรวบรวมทั้งคำสั่งซื้อ การเรียนรู้เกี่ยวกับรสนิยมของคอกาแฟ และแม้กระทั่งการแนะนำสำหรับการใช้บริการในอนาคต

Pathross เปรียบเทียบอนาคตของการค้าปลีกด้านกาแฟไว้ว่า เครื่องจักรนั้นสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับรสนิยมของผู้ใช้นับล้านที่แตกต่างกันและให้คำแนะนำในแบบเฉพาะได้ในอนาคต

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องของราคา เพราะกาแฟส่วนใหญ่ของ Ratio มีราคาถูกกว่า Starbucks และค็อกเทลที่แพงที่สุดราคาไม่เกิน 13 เหรียญสหรัฐ ทั้งในร้านยังมีของว่างและขนมให้บริการอีกด้วย

เห็นที่จะต้องสรุปเบื้องต้นว่า การเข้ามาของ AI ในธุรกิจร้านกาแฟนั้น อาจจะทำให้ธุรกิจร้านกาแฟแบบดั้งเดิมถูกทำลาย แต่ในมุมมองของ Pathross กลับมองต่างออกไป เพราะเป้าหมายของเขาคือการเพิ่มประสบการณ์ของผู้บริโภคด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเขายืนยันว่า แม้จะมีความแม่นยำเพียงใด แต่หุ่นยนต์บาริสต้า ก็ไม่สามารถแทนที่ศักยภาพของบาริสต้าที่เป็นมนุษย์ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ได้ อีกทั้งผู้บริโภคชาวจีนมีความซับซ้อนและเป็นตลาดที่ยากมาก

และแน่นอนว่า Ratio เองก็มี Ratiologists ซึ่งคล้ายคลึงกับผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ พวกเขาได้รับการฝึกฝนในด้านกาแฟและเครื่องดื่มค็อกเทลเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถหาอัตราส่วนเครื่องดื่มที่สมบูรณ์แบบได้ และมนุษย์จะไม่ถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์อย่างสิ้นเชิง ระบบอัตโนมัติเป็นส่วนเสริมที่ดีในการให้บริการของมนุษย์ และ Cobot (Collaborative Robots) จะดีกว่ามนุษย์ในแง่ของการปฏิบัติงานที่ซ้ำๆ นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยทีม ratiologists เพื่อมอบประสบการณ์ที่วิเศษสุดให้กับผู้บริโภคในรายบุคคลอย่างสมบูรณ์แบบ และ robo-café ที่มีชื่อว่า Ratio นี้จะขยายสาขาอีก 5 สาขาในเซี่ยงไฮ้ในปีนี้ และวางแผนจะเปิดอีกตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศในปี 2019.


ที่มา :