บล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคม รับปัจจัยบวกจากการประกาศงบไตรมาส 2/61 และการจ่ายปันงวดครึ่งปีแรก บวกแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวดีต่อเนื่อง แนะจับนโยบายสหรัฐฯ ที่มีความไม่แน่นนอนสูง และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ลุ้นดัชนีไปแตะที่ระดับ 1,760 จุด แนะลงทุนหุ้นเด่น AOT– BBL – KTB – GCAP- BANPU- COM7- SVI – STEC – TKN
นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนสิงหาคม ได้รับปัจจัยบวกจากการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/2561 พร้อมการประกาศจ่ายปันผล ถึงกลางเดือนสิงหาคมนี้ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันอยู่ในกรอบ 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งได้รับปัจจัยบวก จากการส่งออกของซาอุดิอาระเบียที่ลดลง และคาดสต็อกน้ำมันของตลาดโลกในไตรมาส 3/2561 มีแนวโน้มลดลง จากความต้องการใช้น้ำมันจำนวนมาก รวมถึงความผันผวนของเงินสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงที่อ่อนค่าลง
รวมถึง มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่าไตรมาส 2/2561 มีการขยายตัวมากกว่า 4.0% หลังไตรมาส 1/2561 เติบโต 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมคาด GDP ปี 2561 ขยายตัว 4.4% (4.2 – 4.7%) ซึ่งสูงสุดในรอบ 6 ปี ตามการส่งออก (คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%) และการท่องเที่ยว (คาดรายได้เติบโต 11%)
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้มาจาก Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิตลอด 7 เดือนแรกของปี 2561 จำนวน 190,699 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในเดือนกรกฎาคม 2561 ยอดขายสุทธิชะลอตัวลงเหลือ ประมาณ 10,622 ล้านบาท ดีขึ้นจากเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 30,013 ล้านบาท/เดือน
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ไอร่า (AS) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือนสิงหาคมนี้ คือ วันที่ 8 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมของ กนง. ซึ่งคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ต่อปี แต่คาดอาจมีการเริ่มส่งสัญญาณลดการใช้นโยบายผ่อนคลายลง หลังเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมาย คาดอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 2562
ประกอบกับความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งหากมีการประกาศออกมาเพิ่ม และเลวร้ายกว่าที่ตลาดฯ รับรู้ก่อนหน้า คาดอาจทำให้เกิดความขัดแย้งและส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก และคาดสร้างความผันผวน รวมถึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงผ่านมา และ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ หลังขึ้นไประดับสูงสุดที่ 3.07% เมื่อกลางพ.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นมาใกล้ระดับ 3.0% คาดอาจกลับมาเป็นประเด็นกดดันต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือนสิงหาคมว่า มีโอกาสฟื้นตัวแต่อยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ประเด็นในประเทศ บวกกับแรงเก็งกำไรผลประกอบการและเงินปันผล โดยคาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,760 จุด แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ในเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากส่งออก การท่องเที่ยว และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐ และแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตดีขึ้นตามลำดับ โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่AOT, กลุ่มธนาคาร แนะนำ BBL และ KTB นอกจากนี้ยังแนะนำ GCAP, BANPU, COM7, SVI, STEC และ TKN เป็นต้น
Related