บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิ 6,938 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยไทยคมขายสัดส่วนการลงทุนในซีเอส ล็อกอินโฟให้แก่เอไอเอสและการเติบโตของรายได้จากลูกค้ารายเดือนและการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของเอไอเอส พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 1.35 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายในวันที่ 30 สิงหาคม 2561
นายเอนก พนาอภิชน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ในฐานะที่อินทัชลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดโดยใช้ศักยภาพของบริษัทลูก และบริษัทร่วมที่เราไปลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจและรองรับการใช้งานของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากยอดการใช้งานดาต้าของเอไอเอสเพิ่มขึ้นเป็น 8.9 กิกะไบต์ต่อเดือนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จาก 4.7 กิกะไบต์ต่อเดือนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีลูกค้าใช้เอไอเอส ไฟเบอร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 สำหรับการจ่ายเงินปันผล อินทัชยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลส่วนใหญ่ที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย โดยจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานระหว่างกาลสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2561 ในอัตรา 1.35 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2561”
เอไอเอส เน้นคุณภาพการให้บริการ 4G และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
จากอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 เอไอเอสมีลูกค้าสุทธิทั้งสิ้น 40.1 ล้านราย โดยลูกค้าระบบรายเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน ขณะที่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเติบโตขึ้นจากการให้บริการคอนเวอร์เจนซ์ที่รวมบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และคอนเทนต์เข้าไว้ด้วยกันโดยใช้แพ็กเกจ Fixed-Mobile-Content (FMC) ที่ครอบคลุมการใช้งานดึงลูกค้าที่มีคุณภาพใน 50 เมืองใหญ่ที่ให้บริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกและความต่อเนื่องของผู้ใช้บริการมากขึ้น
นอกจากนี้ เอไอเอสได้เปิดบริการ NU Mobile ซึ่งเป็นบริการแบบออนไลน์ครบวงจร เน้นให้ลูกค้าใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างสะดวก ไม่ซับซ้อนสอดรับกับการขยายตัวของช่องทางการเติมเงินและชำระบิลออนไลน์ที่เติบโตขึ้นตามพัฒนาการของระบบอีเพย์เมนท์ (e-payment) ในประเทศไทย เอไอเอสยังคงเดินหน้าต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานทั้งดิจิทัลแพลตฟอร์มและเครือข่าย NB-IoT ที่ครอบคลุม 77 จังหวัด เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าองค์กรและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
ไทยคม เร่งหาลูกค้าในตลาดใหม่
ในครึ่งปีแรก รายได้ของไทยคมปรับลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากสภาวการณ์แข่งขันในตลาด โดยบริษัทจะเน้นหาลูกค้าใหม่ที่มีการใช้งานดาวเทียมแบบทั่วไปเพิ่มขึ้นในแถบแอฟริกา ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและเอเชียใต้ ส่วนดาวเทียมบรอดแบนด์มีการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ที่เซ็นสัญญาเมื่อปี 2560 ได้แก่ ลูกค้าในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และไทย นอกจากนี้ในปี 2561 ไทยคมยังบรรลุข้อตกลงในการให้บริการสัญญาณดาวเทียมบรอดแบนด์กับบริษัท วี อาร์ ไอที ฟิลิปปินส์ จำกัด เพื่อให้บริการเชื่อมต่อสัญญาณบรอดแบนด์สำหรับโครงการของภาครัฐและเอกชนที่จะเกิดขึ้นทั่วฟิลิปปินส์ รวมทั้งการให้บริการแพลตฟอร์ม “นาวา” กับบริษัท ชิพ เอ็กซ์เปิร์ท เทคโนโลยี จำกัด โดยติดตั้งบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทางทะเลผ่านดาวเทียมจากไทยคมในเรือปฏิบัติงานนอกชายฝั่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและให้บริการทางทะเล
อินเว้นท์ ต่อยอดนวัตกรรมด้วยการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีโอกาสเติบโตสูง
อินเว้นท์ (InVent) มีนโยบายการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงโดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยีตั้งแต่ระดับซีรี่ส์ A ขึ้นไป มีความพร้อมทั้งโมเดลธุรกิจและลูกค้า โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้ร่วมลงทุนในธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งครบวงจร ภายใต้บริษัท YDM Thailand ซึ่งเป็นบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งโซลูชั่นครบวงจรให้บริการตั้งแต่การวางกลยุทธ์ออนไลน์ สร้างสรรค์ไอเดีย วางแผนโซเชียลมีเดีย ซื้อสื่อออนไลน์ ทำเว็บไซต์ Mobile Application ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลระดับแนวหน้าของไทยซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ Yello Digital Marketing Global (YDMG) ประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 30 ล้านบาท
เส้นทางการลงทุนของอินทัชใน 6 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทที่ได้ร่วมลงทุน และทำให้มูลค่าเงินลงทุนของอินทัชภายใต้โครงการอินเว้นท์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 มาอยู่ที่ 647 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการสร้างมูลค่าให้เติบโตขึ้นแล้ว บริษัทได้สร้าง ecosystem ในระบบเศรษฐกิจการลงทุน เกิดการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ จากความคิดให้เป็นความจริงขึ้นมาได้ โดยอินทัชไม่หยุดที่จะต่อยอดการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ยังคงเดินหน้าลงทุนภายใต้งบประมาณที่ตั้งไว้ 200 ล้านบาทต่อปี
ไฮ ช็อปปิ้ง ยอดขายเติบโตจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายในหลายแพลตฟอร์ม
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ไฮ ช็อปปิ้งมียอดขายเฉลี่ยต่อวันที่ 1.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตมาจากการขยายช่องทางการขายสินค้าในแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในช่องและช่วงเวลาที่มีผู้ชมจำนวนมาก เช่น MCOT, PSI, M Channel และช่องทางออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่เป็นที่นิยมและเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น สินค้าแฟชั่น สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เป็นต้น
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของอินทัชในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเน้นการร่วมสร้างมูลค่าให้กับบริษัทร่วมและบริษัทย่อย รวมถึงบริการที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง นอกจากนี้ อินทัชยังคงแสวงหาการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี ทั้งในรูปแบบธุรกิจร่วมทุนและธุรกิจใหม่เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
เกี่ยวกับ อินทัช
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของคนไทยเข้ากับเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงสร้างมูลค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ผลจากความมุ่งมั่นพัฒนาทำให้อินทัช ได้รับรางวัลและการรับรองต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัล “สุดยอดหุ้นขวัญใจมหาชน” และ “หุ้นขวัญใจมหาชนกลุ่มเทคโนโลยี” สามปีซ้อน จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รางวัล “ผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม” (Best CEO Awards) และรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Best Company Performance Awards) ในกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท จากงาน SET AWARDS 2015 รวมไปถึงรางวัลระดับภูมิภาคอย่าง ASEAN Corporate Governance Awards 2015 และรางวัล Asian Excellence Recognition Awards 22015 จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia รางวัล “นักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม” (Best Investor Relations Award) ประจำปี 2558/2559 จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysts Association หรือ IAA) และ รางวัล “Investor’s Choice Award” จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย อินทัชได้รับรางวัลเกียรติยศบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด จากงาน “Thailand’s Top Corporate Brand Value 2017” รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานดีเด่น จากงานประกาศรางวัล “SET Awards 2017” รางวัลหุ้นยั่งยืน จากงานมอบรางวัลด้านความยั่งยืน SET Sustainability Awards 2017 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตร ESG 100 ปี 2018 จากสถาบันไทยพัฒน์ เมื่อไม่นานมานี้ อินทัช ยังได้รับรางวัล “บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” และ “บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี” จากงาน Money & Banking Awards 2018 และได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SETTHSI Index ที่สะท้อนการเคลื่อนไหวราคากลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันการลงทุนของอินทัช ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไร้สาย ดำเนินงานภายใต้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ อาทิ ไฮ ช็อปปิ้ง และโครงการ อินเว้นท์ (InVent) เป็นต้น ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.intouchcompany.com www.facebook.com/intouchcompany