นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทโรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 178 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 59 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 371 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 99 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีปัจจัยการเติบโตมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนของบริษัทประกอบกับพื้นที่การให้บริการในโครงการต่อขยายของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 อินเตอร์ ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้บริษัทมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทยังมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 13% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 30% เนื่องจากบริษัทมีนโยบายควบคุมต้นทุนประกอบกับมีการเพิ่มอำนาจต่อรองจากการซื้อยาและเวชภัณฑ์
ขณะที่บริษัทรายได้จากากรประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 1,039 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 149 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยการเติบโตมาจากกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปซึ่งเพิ่มขึ้น 31% และบริษัทยังมีรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 63 ล้านบาทและมีรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น93 ล้านบาทเพราะการขยายพื้นที่ให้บริการทาให้สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากขึ้นรวมถึงศูนย์ดูแลผู้ป่วยต่างชาติ (IMC) ในไตรมาส2/61 ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายแพทย์กำพล กล่าวอีกว่า บริษัทมีการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการประกอบการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.020 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 220 ล้านบาท ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม 2561 โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2561 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2561