ECF เผยครึ่งปีหลัง ผลประกอบการเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้า ไฮซีซั่น ลุยขยายตลาดส่งออก คว้าออเดอร์ลูกค้าใหม่จีน ตั้งเป้าสูงสุดไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาทต่อเดือน ดันยอดในประเทศผ่านแบรนด์ COSTA ธุรกิจพลังงาน ดีเดย์ COD 1 MW โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.แพร่ ธ.ค.นี้ ผลงานไตรมาส 2/2561 รายได้รวม 321.80 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.52 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ครึ่งปีหลังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องและเข้าสู่ไฮซีซั่น โดยตลาดต่างประเทศกลุ่มลูกค้าหลักในญี่ปุ่นยังคงมีปริมาณการสั่งซื้อต่อเนื่อง และมีลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น บริษัทได้ขยายฐานการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปประเทศจีน โดยปัจจุบันเริ่มส่งสินค้าแล้วลอตแรกมูลค่าเริ่มต้น 5 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายนี้ในปี 2562 ประมาณ 200 – 300 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยร่วมมือกับลูกค้าในการออกแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยสนับสนุนด้านอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งมีทิศทางดีขึ้น โดยค่าเงินบาทอยู่ที่ 33-34 บาท/ดอลล่าร์
ส่วนแนวโน้มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในประเทศยังสามารถเติบโตได้ดี บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดผ่านช่องทางร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาค โดยใช้แบรนด์ COSTA ในการรุกตลาด ซึ่งในช่วงต่อจากนี้จะมีการจัดโปรโมชั่นกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มเติม โดยวางเป้าหมายรักษาระดับยอดขายอยู่ที่ 25 ล้านบาท/เดือนในครึ่งปีหลัง อีกทั้งบริษัทยังมีโอกาสสร้างการเติบโตของยอดขายจากออร์เดอร์ที่มากขึ้นตามการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
ความคืบหน้าธุรกิจพลังงาน บริษัทได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล บริษัท บิน่า พูรี่ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จังหวัดแพร่ จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ อ.ลอง ขนาด 1เมกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.61 คาดว่าในปีนี้จะรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า จำนวน 12 ล้านบาท และโครงการ อ.สูงเม่น ขนาด 1 เมกะวัตต์ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่องทันที คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ภายในเดือนธ.ค. 2561
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2561 ว่า งบการเงินรวมบริษัทมีรายได้รวมจำนวน321.80 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 317.60 ล้านบาท จำนวน 4.20ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.32 % และมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) จำนวน 3.52 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 28.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริษัทอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งธุรกิจเกี่ยวข้องเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจพลังงาน ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ ประกอบกับโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษายังไม่สามารถรับรู้รายได้ในขณะนี้
Related