ยุคนี้แค่ HR ไม่พอ! สยามพิวรรธน์ต้องจัดโปรโมชั่นให้พนักงานช่วยหาพนักงานใหม่ ผ่านงานได้ 1,500/คน

ใกล้ไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าต่างต้องพยายามเร่งเสริมทัพพนักงานให้เพียงพอรองรับการให้บริการผู้บริโภค อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายงาน ที่แต่ละแบรดน์ต่างก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

แต่แค่ประกาศรับสมัครงาน หรือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) เพียงไม่กี่คน อาจจะไม่มีกำลังมากพอที่จะหาพนักงานได้เพียงพอและทันกับความต้องการ งานนี้เลยต้องจัดทำกันเป็นแคมเปญระดมพนักงานทั้งบริษัทช่วยหาพนักงานใหม่

กลยุทธ์ด้านการตลาดที่กระทบถึงผู้บริโภคโดยตรงเป็นเรื่องที่เห็นกันมามากแล้ว แต่กลยุทธ์ด้านการจัดหาและบริหารงานบุคคลซึ่งเป็นเรื่องภายในของแต่ละองค์กรนอกจากการประกาศรับสมัครงาน การเปิดโอเพ่นเฮาส์ หรือเปิดให้วอล์กอินเข้าสัมภาษณ์ที่เห็นกันมาบ่อยๆ ซึ่งแต่ละวิธีกว่าจะได้คนก็ต้องอาศัยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ออกไปให้คนภายนอกรับรู้

แต่ครั้งนี้เริ่มมีรูปแบบการหาพนักงานที่เข้มข้นขึ้น เพราะสภาพตลาดแรงงานของไทยหดตัวต่อเนื่อง ทั้งจำนวนคนวัยทำงานที่มีผลมาจากอัตราการเกิดลดลงความนิยม และทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่ชอบและฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าจะเข้าสู่ระบบแรงงานทั่วไปเหมือนในอดีต จนแทบจะทำให้การหาพนักงานของบางอุตสาหกรรมใกล้จะเข้าขั้นยากประหนึ่งงมเข็มในมหาสมุทรเข้าไปทุกที่

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน โครงการไอคอนสยาม ร้านลอฟท์ (Loft) อาคารสยามทาวเวอร์ และอาคารจอดรถสยาม ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี และเปิดรับพนักงานมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและอยู่มานานแต่ก็ยังต้องประสบปัญหานี้เช่นกัน

ล่าสุดบริษัทใช้แนวคิดด้านการตลาดในรูปแบบเพื่อนแนะนำเพื่อนซึ่งนิยมมากในการหาลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อ มาใช้กับการสรรหาพนักงาน โดยเปิดแคมเปญให้พนักงานแนะนำเพื่อนร่วมงานใหม่ให้บริษัท โดยให้ค่าแนะนำเป็นรางวัลตอบแทน แบ่งเป็น 2 ช่วง คือหากคนที่แนะนำมีคุณสมบัติได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานจะได้ค่าแนะนำ 500 บาท และจะได้อีก 1,000 บาท เมื่อพนักงานใหม่พ้นเกณฑ์ทดลองงานได้รับการบรรจุ รวมเป็นเงินค่าแนะนำพนักงานใหม่ 1,500 บาทต่อคน

กลยุทธ์นี้จัดเป็นแคมเปญภายในที่ฝ่ายเอชอาร์ส่งให้พนักงานทุกคนที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยเพื่อนที่แนะนำจะต้องมาสมัครงานตั้งแต่วันนี้ถึง31 ตุลาคม 2018 เท่านั้น และเปิดให้แนะนำเพื่อนร่วมงานใหม่ใน 4 กลุ่มสายงาน ได้แก่ พนักงานเก็บเงิน (แคชเชียร์) พนักงานขาย เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่วิศวกรรม

ภาวะขาดแคลนแรงงานด้านบริการไทยเข้าขั้นวิกฤต

ทั้งนี้หากย้อนไปดูภาวะแรงงานไทยจะพบว่า จากการจัดอันดับบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า งานด้านบริการลูกค้าซึ่งเป็นที่ต้องการแรงงานจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้านั้น ติดอยู่ในกลุ่มท็อปสายงานที่มีแนวโน้มขาดแคลนบุคลากร ซึ่งใน 5 อันดับแรกยังประกอบด้วยงานบัญชีและการเงิน งานขายงานการผลิต และงานบริการด้านการแพทย์

ขณะเดียวกันจากสถิติด้านตำแหน่งงานของแมนพาวเวอร์ฯ ยังระบุด้วยว่า งานธุรการและงานทรัพยากรบุคคลติดอันดับสูงสุดของสายงานที่มีแนวโน้มเสี่ยงตกงานมากที่สุดอีกด้วย

ดังนั้น กลยุทธ์การให้เพื่อนแนะนำเพื่อนร่วมงานใหม่ของสยามพิวรรธน์จึงเหมือนการแก้ปัญหาด้านการสรรหาบุคลากร ทั้งในส่วนของแรงงานที่ต้องการ และการเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มสายงานที่เสี่ยงตกงานได้ทั้งสองฝั่งพร้อมๆ กัน

เพื่อเป็นการคอนเฟิร์มข้อมูล หากเช็กสถิติสายงานที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดจากจ็อบไทยดอทคอม (Jobthai.com) ดูอีกแหล่ง ก็จะพบข้อมูลที่สอดคล้องกัน โดยในปี 2018 นี้พบว่า กลุ่มงานที่เป็นที่ต้องการขององค์กรต่างๆ มากที่สุดและจัดอยู่ในภาวะขาดแคลนก็คือ งานขาย ซึ่งมีการเปิดรับสมัครมากถึงเกือบ 2 หมื่นอัตรา โดยให้เหตุผลว่าเพราะงานขายเป็นงานสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท ยิ่งการหาพนักงานขายและบริการเก่งๆ ยิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย โดยบุคคลที่เหมาะสมควรจะมีทั้งความรู้ในตัวสินค้าและบริการเพื่อสามารถแนะนำให้ผู้บริโภคเห็นประโยชน์และตัดสินใจซื้อ ขณะเดียวกันก็ต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดีด้วย

นอกจากพนักงานขาย สายงานที่เป็นที่ต้องการจากสถิติของจ็อบไทย พบว่า ยังมีงานช่างเทคนิค ซึ่งจัดเป็นงานในกลุ่มวิศวกรรม ที่มีความต้องการในตลาดไม่น้อยกว่า 1 หมื่นอัตรา ตามมาด้วยงานผลิต/ควบคุมคุณภาพ งานบริการลูกค้า และงานบัญชี/การเงิน ตามลำดับ.