ถึงจะไร้งานแต่ก็รวยมหาศาลทีเดียวสำหรับ “จอร์จ คลูนีย์” นักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดังวัย 57 ปี แห่งวงการฮอลลีวูด ที่ล่าสุดผันมาทำธุรกิจกลายเป็นขึ้นแท่นนักแสดงชายทำรายได้มากสุดประจำปี 2018
แม้ว่าจอร์จ คลูนีย์ จะไม่ได้รับงานแสดงภาพยนตร์มาตั้งแต่ปี 2016 แต่เขาก็สามารถทำรายได้รวมตลอดปีอยู่ที่ 239 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,784 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้ประจำปีสูงที่สุดในชีวิตที่เขาอยู่วงการบันเทิงมานานกว่า 35 ปีเลยทีเดียว
รายได้ส่วนนี้มาจากการผันตัวไปทำธุรกิจของตนเองจากการสร้างแบรนด์เครื่องดื่ม Casamigos เตกิลาสุดพรีเมียม โดยมีบริษัทน้ำเมาแบรนด์ดังจากอังกฤษ Diageo ประกาศร่วมลงทุนไปเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว โดยลงทุนร่วมถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้จอร์จ คลูนีย์ มีรายได้ก่อนหักภาษีพุ่งทะยานไปที่ 233 ล้านเหรียญสหรัฐ จากแบรนด์เครื่องดื่มที่เขาก่อตั้งขึ้น และยังมีรายได้อื่นๆ จากผลงานโฆษณา และค่าลิขสิทธิ์จากภาพยนตร์เรื่องเก่าๆ
ทาง จอร์จ คลูนีย์ เคยเผยด้วยว่า จากธุรกิจเล็กๆ ที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ แรนดี เกอร์เบอร์ ผู้ประกอบการสถานบันเทิง และไมค์ เมลด์แมน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ โดยลงทุนไปคนละ 6 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19.5 ล้านบาท ไม่เคยคิดฝันว่าจะกลายมาเป็นธุรกิจระดับพันล้านเหรียญสหรัฐขนาดนี้ “ถ้าคุณถามผมเมื่อ 4 ปีก่อนว่า เรามีธุรกิจขนาดพันล้านเหรียญ (สหรัฐ) เลยเหรอ ผมไม่คิดว่าพวกเราจะตอบว่า ใช่ครับ หรอกนะ” นักแสดงดังเผยกับทาง CNBC เมื่อครั้งมีการตกลงร่วมทุนระดับพันล้านเกิดขึ้น
ส่วนทางด้านนักแสดงร่างยักษ์ ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อก ทำรายได้อยู่ที่ 124 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหักภาษี หรือประมาณ 4,037 ล้านบาท ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ซึ่งรายได้ส่วนนี้ก็มาจากค่าตัวการแสดง และส่วนแบ่งรายได้จากภาพยนตร์ที่ติดอันดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง Jumanji: Welcome to the Jungle และจากการที่เขามีผู้ติดตามติดอันดับท็อปๆ ของโลก เขาจึงได้รับเงินพิเศษตัวเลขหลักล้านเหรียญสหรัฐ จากสัญญาเพื่อใช้โปรโมตผลงานของเขาด้วย
ส่วนอันดับ 3 เป็นของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ทำเงินไปได้ 81 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,638 ล้านบาท ซึ่งเขาได้รับเงินจากการรับบท Iron Man อย่างต่อเนื่อง โดยทำรายได้ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ จากค่าตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่ไปออกใน Spider-Man: Homecoming และยังรับค่าตัวแบบเดิมอีกหลายครั้งจากการเข้าฉากใน Avengers: Infinity War
ส่วนทางด้านเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ อย่าง คริส เฮมส์เวิร์ธ ก็ทำรายได้ตามมาที่อันดับ 4 อยู่ที่ 64.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,100 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลงานจากภาพยนตร์มาร์เวลอย่าง Thor: Ragnarok ด้วย
ส่วนหนุ่มเอเชียคนดัง แจ็คกี้ ชาน หรือ เฉินหลง ก็เข้ามาอยู่ที่อันดับ 5 ด้วยรายได้ 45.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,484 ล้านบาท โดยเขาปรากฏตัวในภาพยนตร์ถึง 6 เรื่องที่ออกฉายเมื่อปี 2017 และมีรายได้จากผลงานโฆษณา การเป็นโปรดิวเซอร์ และการทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ของเขาเอง
ด้าน วิลล์ สมิธ ตามมาที่อันดับ 6 กับรายได้ 42 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,368 ล้านบาท โดยมีผลงานทาง Netflix จากเรื่อง Bright โดยเขาทำรายได้จากเรื่องนี้ไปมากถึง 20 ล้านเหรียญ และยังมีผลงานที่รับบทเป็น จีนี ในภาพยนตร์ Aladdin ฉบับคนแสดงของทางดิสนีย์ด้วย
ส่วนการประเมิณรายได้ดังกล่าวของทาง Forbes เป็นการรวบรวมรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2017 – 1 มิ.ย. 2018 เป็นรายได้ก่อนหักภาษี และค่าธรรมเนียมต่างๆ.