‘บมจ.ทีวี ไดเร็ค’ หรือ TVD ผนึกพันธมิตรทั้งสามยักษ์ใหญ่โซเซียลมีเดีย Facebook-Google-Line สร้างฐานลูกค้าใหม่ และสามยักษ์มาร์เก็ตเพรล Lazada-Shopee-JD Central ร่วมวางแผนการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม และอย่างมีประสิทธิภาพดันยอดสินค้า Best Seller ทาง TV
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางแผนเพิ่มยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น สื่อโซเชียล มีเดีย เว็บไซต์อีคอมเมิร์ช โดยตั้งเป้าสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ประมาณกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ทำได้ หลังจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตที่ดีจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเลือกซื้อสินค้าหรือค้นหาข้อมูลการจัดโปรโมชั่นและเปรียบเทียบราคาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขยายความร่วมมือในลักษณะการเป็นพันธมิตรกับโซเชียล มีเดียและเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชั้นนำต่างๆ อาทิ Facebook, Shopee, Lazada, JD Central, Google และ Line เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการร่วมมือกันวางแผนทำการตลาดอย่างจริงจัง มีการใช้เครื่องมือทางการตลาดเพิ่มเติม ที่จะช่วยให้การนำเสนอสินค้าของ ทีวี ไดเร็ค สามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสในการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์และการใช้งบการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวสินค้าและจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว พร้อมกับคัดเลือกสินค้าในหมวด High Ticket Product ที่ได้รับความนิยมหรือมียอดขายที่ดีนำมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากยิ่งขึ้น
“ตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเราได้เข้าไปเจรจากับสื่อโซเชียล มีเดีย เพื่อยกระดับความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรในการทำตลาด ซึ่งมีผลตอบรับเกินคาดหมาย โดยงบการตลาดที่เราใช้กับโซเชียล มีเดียนั้น สามารถสร้างยอดขายสินค้ากลับมาให้แก่บริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยเสริมศักยภาพกับช่องทางการขายสินค้าทางทีวีและร้าน TV Direct Showcase ได้เป็นอย่างดี” นายทรงพล กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 53% จากไตรมาส 2/61 อยู่ที่กว่า 51% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กรเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ตลอดจนการที่บริษัทฯ เข้าบริหารช่วงเวลาออกอากาศในสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ที่ออกอากาศทางทีวีดิจิทัลช่อง 19 มากขึ้นและผลิตรายการที่เหมาะสมป้อนให้แก่สถานีได้อย่างเพียงพอ จนได้ผลตอบรับด้านยอดขายสินค้าเป็นที่น่าพอใจ จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น