มองวิสัยทัศน์รถยนต์ไฟฟ้า และนวัตกรรมการขับขี่อัตโนมัติกับ นิสสัน


อุตสาหกรรมรถยนต์ในระดับโลกได้มีเกมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น นวัตกรรมเรื่องยานยนต์จึงไปไกลถึงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์ไร้คนขับไปแล้วเรียบร้อย ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องจากการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย

“นิสสัน” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก ที่มีนโยบายด้านการนำเสนอนวัตกรรมที่ตื่นเต้นเร้าใจแก่ลูกค้าอยู่สม่ำเสมอ โดยได้ประกาศเป้าหมายที่สำคัญในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์เช่นกัน

นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะและระบบขับขี่อัตโนมัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ โดยที่นิสสันได้แสดงวิสัยทัศน์สำคัญถึงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และนวัตกรรมการขับขี่โดยไร้คนขับภายในงาน The 4th Automotive Engineers Forum เป็นงานที่พูดถึงอนาคตของนวัตกรรมยานยนต์ โดย นาย ปีเตอร์ แกลลี่ รองประธานสายงานการสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นตัวแทนของนิสสันในการแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้

เริ่มต้นที่ประวัติคร่าวๆ ของนิสสันได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 85 ปีที่แล้ว รถรุ่นแรก Datsun เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จทางวิศวกรรมแต่ยังไม่ได้มีการพัฒนาซอฟท์แวร์ สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าหัวใจสำคัญของรถยนต์ก็คือวิศวกรรม ในขณะที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาสูงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราจะเห็นได้ว่ารถยนต์ 4 ล้อเพียบพร้อมไปด้วยซอฟท์แวร์ที่ล้ำสมัย ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ หรือแบตเตอรี่ ซึ่งในอนาคตรถยนต์อาจจะไม่มีล้อก็เป็นได้

แต่ในปัจจุบันชัดเจนว่าบทบาทรถยนต์ในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป เป็นมากกว่ายานพาหนะขนส่งจากสถานทีหนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง แต่เป็นการขยายไลฟสไตล์มากขึ้น การเปลี่ยนเปลงถูกขับดันโดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ คนยุคใหม่ เป็นแกนสำคัญในการเปลี่ยนแปลง มีข้อมูลว่าในปี 2020 สัดส่วน 40% ของรถจะซื้อถูกโดยคนกลุ่มมิลเลนเนียลที่มีความเป็นดิจิตอล

คนยุคมิลเลนเนียลที่คุ้นเคยกับโลกดิจิตอล ต้องการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง รถยนต์จะเป็นมากกว่ายานพาหนะที่ช่วยให้เราย้ายจากจุด A ไปยังจุด B รถยนต์จะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์พวกเขา นิสสันมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีความเพลิดเพลิน ปลอดภัย และยังยั่งยืน ผ่านแนวคิด Nissan Intelligent Mobility ของเรานี้ซึ่งเริ่มต้นด้วยการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

จากการศึกษาของนิสสันร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Frost & Sullivan พบว่าผู้บริโภคชาวไทยกว่า 40% เปิดใจพร้อมซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์คันถัดไป และ นิสสันลีฟ (LEAF) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกและจะเปิดตัวในประเทศไทยภายในปีงบประมาณ 2561 นิสสันนับเป็นผู้นำในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่มีส่วนสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านขับเคลื่อนและสิ่งแวดล้อม

เช่นเดียวกัน เวลาขับรถก็ต้องการการเชื่อมต่อ จากที่จะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นผ่าน Cloud ต่างๆ บนรถที่สามารถตอบสนองได้ เทคโนโลยีของนิสสันคือ การเชื่อมต่อแบบ Cloud แต่กลยุทธ์ของเราก้าวไปไกลกว่านั้น เรามุ่งมั่นมอบประสบการณ์ขับขี่ปลอดภัย และยั่งยืน สร้างการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ คน และสังคม มีการสร้างการเชื่อมต่อผ่าน “Nissan Intelligent Mobility” เป็น Roadmap สำหรับวิวัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ มี 3 เสาหลักที่สำคัญ 1. พลังอัจฉริยะ 2. การขับขีอัจริยะ 3. บูรณาการอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility ไม่ได้ถูกติดตั้งกับรถยนต์ในระดับ High end ราคาแพงอย่างเดียว และติดตั้งในรถราคารองลงมาสำหรับกลุ่มคนชั้นกลางด้วย เช่น รถยนต์ Nissan Terra เพิ่มฟีเจอร์ที่ชาญฉลาด ที่สามารถทำให้การขับขี่ ปลอดภัยและสนุกมากขึ้น สมรรถนะดีขึ้น เพื่อการขับขี่ในท้องถนน

สำหรับอนาคตของยานยนต์คือไฟฟ้านั้น จากการศึกษาของ Frost & Sullivan แสดงให้เห็นว่า 1 ใน 3 ของผู้ใช้งานใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันต่อไป และ 44% ของคนซื้อยอมจ่ายเพื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่าครึ่งหนึ่งจากราคารถยนต์ปกติ นิสสันจึงมีแผนขยายตลาด Nissan Leaf ในไทย และอีก 6 ตลาดในภูมิภาคนี้ ในปีงบประมาณนี้ของนิสสัน ตั้งเป้าขายรถยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันภายในปี 2022 ทั้งรถไฟฟ้า และรถยนต์ E-Power

การทำให้เป็นระบบไฟฟ้า ไม่เพียงแต่สร้างอนาคตที่ยั่งยืนแต่ยังทำให้เมืองอย่างเช่น กรุงเทพ จาร์กาตา มะนิลา น่าอยู่ยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสใหม่ๆ เช่น การเชื่อมต่อรถเข้ากับระบบไฟฟ้า เพื่อได้มากกว่าการชาร์จไฟ โดยรถเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้า

ส่วนนวัตกรรมยานยนต์อัตโนมัตินั้นนิสสันได้พัฒนาเทคโนโลยี ProPILOT เพราะเชื่อว่า ในอนาคตจะใช้เวลาในการติดต่อกับเพื่อนหรือเข้าสังคมออนไลน์มากกว่าให้ความสนใจกับการจราจรติดขัด เทคโนโลยี ProPILOT ซึ่งปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้วในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ได้รับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีของนิสสันชนิดนี้ ช่วยให้รถยนต์สามารถขับขี่อัตโนมัติในระหว่างขับขี่ในช่องจราจรเดียวบนทางหลวง (single-lane highway driving) โดยจะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยและช่วยลดภาระของคนขับในขณะที่มีการจราจรหนาแน่นหรือเดินทางเป็นเวลานานนิสสันได้เริ่มใช้ ProPILOT ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนสิงหาคม 2016 กับรถ Nissan Serena minivan และในอีกหลายๆ รุ่นในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมถึงการจอดรถที่มี ProPILOT Park ซึ่งให้เราสามารถเลือกที่จอดรถจากหน้าจอ ระบบจะทำการนำรถไปจอดอัติโนมัติ ไม่มีความกังวลในการจอดรถอีกต่อไป

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และสิ่งเล็กๆ ของนวัตกรรมเท่านั้น ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา เพรานิสสันเชื่อว่านวัตกรรมจะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้น ผลักดันให้มีการขับขี่อัตโนมัติ ระบบไฟฟ้ามากขึ้น และเชื่อมต่อมากขึ้น