ไอฟลิกซ์ ปลุกสมาชิกหลับให้กลับมาดูฟรีตลอดชีพแต่มีโฆษณา พร้อมปั้นคอนเทนต์สั้น เพิ่มความถี่ในการชม

หนึ่งในปัญหาที่กำลังได้รับการเยียวยาของไอฟลิกซ์ (Iflix) ตลอดระยะเวลาที่เปิดตัวเมื่อปี 2557 หรือเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา  คือ โมเดลธุรกิจแบบเก็บค่าบริการไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้มีสมาชิกที่แอคทีฟเพียง  1 ล้านราย ขณะทีีอีก 2 ล้านราย เงียบหายเหมือนตายจาก ดังนั้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา ไอฟลิกซ์ จึงเปิดให้รับชมฟรีคอนเทนท์บางส่วนฟรีแต่จะมาพร้อมกับโฆษณา โดยเปิดบริการรูปแบบใหม่นี้ครั้งแรกที่มาเลเซียซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ก่อนจะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ และล่าสุดคือประเทศไทย เพื่อปลุกคนดูที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไอฟลิกซ์จึงเดินเกมด้วย กลยุทธ์หลัก  คือ ให้คนดูฟรีเนื้อหาบางส่วนตลอดชีพ, เพิ่มคอนเทนท์สั้นๆ ให้มากขึ้น ให้คนดูถี่ขึ้น , จับมือกับสตูดิโอและครีเอเตอร์มากขึ้น เพื่อนำเสนอคอนเทนท์ที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็ปั้นโมเดลหารายได้จากโฆษณาอย่างจริงจัง

อาทิมา สุรพงษ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอฟลิกซ์ จำกัด (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า “ไอฟลิกซ์ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในที่ทุกประเทศ  สิ่งที่ท้าทายคือตอนนี้สู้กับของเถื่อนมากกว่ากับคู่แข่งที่นำเสนอคอนเทนท์ถูกลิขสิทธิ์ด้วยกัน เพราะของเถื่อนฟรีด้วย เร็วด้วย ข้อมูลจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาระบุว่าปัจจุบันคนดูเว็บเถื่อนมากกว่าถึง 3.85เท่า เราต้องทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนทัศนคติให้ได้ พร้อมกับหยิบยื่นของฟรีมีคุณภาพ และถูกลิขสิทธิ์ให้กับเขา เพื่อที่จะได้ไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป ส่วนคอนเทนท์ที่่คู่แข่งแต่ละรายทับซ้อนกันมีสัดส่วนเพียง 20% เท่านั้น ดังนั้นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดนี้คือ คอนเทนท์ บางรายจะเน้นคอนเทนท์เฉพาะด้าน เช่น เน้นบันเทิงเป็นหลัก แต่ไอฟลิกซ์เน้นความหลากหลายและกินขอบเขตกว้าง เพราะเรามีสตูดิโอที่เป็นพันธมิตรมากที่สุดกว่า 300 แห่ง  อีกประการคือการให้บริการในดีไวซ์ที่เขาต้องการรับชม ทุกที่ ทุกเวลา และสุดท้ายคือ ราคาถูก เข้าถึงง่าย อย่างไอฟลิกซ์ค่าบริการเดือนละ 100 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาตั๋วหนังในโรงภาพยนตร์หนึ่งเรื่องเสียอีก” อย่างไรก็ตามแม้ไอฟลิกซ์จะเปิดให้รับชมฟรีในบางส่วน แต่ก็มีเงื่อนไข เพราะต้องรับชมโฆษณาด้วย ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของโฆษณาในโฮมเพจ, ฟีด,แนวของหนัง (Genre) และแบบพรี-โรล วิดีโอ (สคิปหรือคลิกข้ามโฆษณาไม่ได้) ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญที่ทำรายได้ให้กับไอฟลิกซ์อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยคาดว่าภายใน 3 ปี รายได้จากโฆษณาจะมีสัดส่วนที่มากกว่าค่าสมาชิก โดยอาจมีสัดส่วนสูงถึง 90% เลยทีเดียว

ทั้งนี้คอนเทนท์ฟรีคิดเป็น 30% ของคอนเทนท์ทั้งหมด หากอยากดูคอนเทนท์ในโซนวีไอพีก็ต้องจ่ายค่าสมาชิก ซึ่งการที่หน้าฟีดแสดงคอนเทนท์ทั้งสองแบบ เพียงแต่แยกให้เห็นความแตกต่างชัดเจน ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคที่ดูคอนเทนท์ฟรีเป็นประจำทุกวัน ในสักวันหนึ่งอาจยอมจ่ายค่าสมาชิกเพื่อเข้าถึงคอนเทนท์วีไอพี โดยเฉพาะซีรี่ย์ยอดนิยมที่เปิดให้รับชมบางตอนเป็นน้ำจิ้ม เช่น แบร์ กริลล์ ผจญภัยสุดขั้ว (Man vs Wild)

นอกจากนี้อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเพื่อทำให้คนหันมาดูไอฟลิกซ์บ่อยครั้งขึ้นก็คือ การเพิ่มไอฟลิกซ์ สแนคซ์ หรือคอนเทนท์สั้น ๆ ที่ออกแบบมาให้รับชมง่ายผ่านมือถือ เบื้องต้นจะเพิ่มรายการใหม่ 50 รายการเป็นประจำทุกวัน โดยจะเน้นคอนเทนท์จากครีเอเตอร์ในประเทศไทยมากขึ้น เช่น เฟ็ดเฝ่, สะดุดตา และแบไต๋ ปัจจุบันมีคอนเทนท์ไทยราว 1,000 ชั่วโมง จากคอนเทนท์ทั้งหมดราว 40,000 ชั่วโมง

“คอนเทน์ที่มีความยาว 5-15 นาที จะทำให้คนดูจบได้ ระหว่างรอรถเมล์ รอรถไฟฟ้า หรือระหว่างเดินทางสั้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องดูคอนเทนท์ยาว ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นการจูงใจให้เขาดูได้ถี่ขึ้น แม้ในช่วงแรกจะต้องทำใจว่า อาจทำให้สถิติยอดคนรับชมโดยเฉลี่ย 124 นาทีต่อวันลดลง แต่เราก็จะได้ยอดความถี่ในการดูเพิ่มขึ้น ดูวันละหลาย ๆ รอบแทน”

ขณะที่คอนเทนท์กีฬา ที่ดูจะเป็นจุดอ่อนของไอฟลิกซ์ ก็ถูกเสริมด้วยไฮไลท์ฟุตบอลจากลีกชั้นนำต่างๆ ทุกแมทช์ ได้แก่ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ, ลาลีกา ลีก สเปน, ลีกเอิง ฝรั่งเศส และเซเรีย อา อิตาลี โดยบีอิน สปอร์ตส ซึ่งจะนำเสนอหลังจากจบการแข่งขัน 1 ชั่วโมง และจะอยู่ในระบบเพียง 1 สัปดาห์

ด้านการแข่งขันนอกเหนือจากคู่แข่งสำคัญในตลาดวีอีโอ สตรีมมิ่ง อย่างเน็ตฟลิกซ์ รวมถึงยูทูป และไลน์ทีวีแล้ว ก็ยังมีผู้เล่นรายอื่น เช่น  ทรู ไอดี ทีวี  และเอไอเอส เพลย์ ที่ทุ่มเทกับตลาดนี้อย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย แต่ถึงแม้บรรดาเทลโก้ทั้งหลายจะมีวิดีโอ สตรีมมิ่ง เป็นของตัวเอง แต่อาทิมามองว่าเป็นพันธมิตรของไอฟลิกกซ์มากกว่าจะเป็นคู่แข่ง เพราะมีคอนเทนท์ที่ซ้ำกันน้อย ในขณะเดียวกันการเผาผลาญดาต้าหรือการใช้งานดาต้าหนัก ๆ ก็มักจะมาจากการเสพสื่อบันเทิงอย่างหนังและซีรี่ย์ ดังนั้นหากไอฟลิกซ์เติบโต ยอดขายดาต้าของเทลโกก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว  บรรดาเทลโกจึงไม่ปิดกั้น โดยปัจจุบันทำแคมเปญโปรโมชั่นร่วมกับดีแทค และกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับอีกสองรายอยู่

“อนาคตเราอยากจะเพิ่มการไลฟ์หรือถ่ายทอดสดมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการถ่ายทอดสดอีเวนท์หรือคอนเสิร์ตต่าง ๆ ของพันธมิตร ที่ต้องการเข้าถึงฐานคนดูจำนวนมาก รวมถึงเพิ่มหนังและซีรี่ย์จากนานาชาติให้มากขึ้น โดยเฉพาะหนังและซีรี่ย์จีน รวมถึงไต้หวันที่ได้รับการเรียกร้องจากคนดูมาก แต่ยังติดปัญหาเรื่องสตูดิโอที่นั่นยังไม่มีความเข้าใจหรือเชื่อมั่นในวิดีโอสตรีมมิ่งสักเท่าไหร่”

จากการปรับทิศทางธุรกิจและกลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมา คาดว่าจะทำให้ไอฟลิกซ์มีฐานสมาชิกที่แอคทีฟเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย ซึ่งรวมทั้งผู้ใช้งานเดิมที่ตื่นจากหลับและผู้ใช้งานใหม่ที่ได้จากพลังของพันธมิตร ซึ่งขณะนี้มีดีแทค,แกร็บ, ซัมซุง และช้อปปี้.