- เนรมิตร้านจัมโบ้ ซีฟู้ด ที่สวยงามอลังการที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในบรรยากาศเหนือระดับ ที่มาพร้อมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา
- เปิดให้บริการพร้อมไอคอนสยาม เดือนพฤศจิกายนนี้
จัมโบ้ ซีฟู้ด เตรียมพร้อมเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยาม ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ นำเสนอร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังจากประเทศสิงคโปร์ ให้คนไทยได้ลิ้มลองและอิ่มอร่อยกับเมนูขึ้นชื่อที่เป็นซิกเนเจอร์ของจัมโบ้ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศทั่วโลกจำนวนมากได้อย่างสะดวกสบาย ท่ามกลางบรรยากาศเหนือระดับ ที่มาพร้อมกับทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ณ อภิมหาโครงการเมืองไอคอนสยาม โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพ รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์แบบเดียวกับต้นตำรับที่สิงคโปร์เพราะนำเข้าซอสครบทุก 12 ชนิด พร้อมการให้บริการที่เป็นเลิศ ซึ่งทีมผู้บริหารที่มากประสบการณ์ มั่นใจว่า จัมโบ้ ซีฟู้ด จะขึ้นอันดับท็อปลิสต์กลายเป็นร้านอาหารที่ทุกคนอยากมาลิ้มลองได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจะมีลูกค้ามากถึงกว่า 200,000 คนในปีแรก
นายเด็ด ชินสุภัคกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ซี เจ ซีฟู้ด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 10 ปี กล่าวว่า “จัมโบ้ ซีฟู้ด เป็นร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังจากสิงคโปร์ที่เปิดดำเนินการครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2530 ปัจจุบันมี 13 สาขาทั่วโลก เช่น สิงคโปร์, เซี่ยงไฮ้, ไต้หวัน และเวียดนาม และมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยจัมโบ้ ซีฟู้ด กำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยาม ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำร้านอาหารซีฟู้ดสไตล์สิงคโปร์ชื่อดังจากสิงคโปร์ ‘จัมโบ้ ซีฟู้ด’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก มาเปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นครั้งแรก”
จากการศึกษาและสำรวจตลาดและผู้บริโภคในประเทศไทย พบว่า อาหารซีฟู้ดสไตล์สิงคโปร์ในเป็นหนึ่งในอาหารที่คนไทยและนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่มีเปิดให้บริการในประเทศไทย นี่จึงเป็นโอกาสดีของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะสามารถลิ้มลองอาหารจีนซีฟู้ดสไตล์สิงคโปร์และมาเลเซียได้อย่างสะดวกสบาย เหมือนเดินทางไปรับประทานของแท้ต้นตำรับที่สิงคโปร์ แต่ไม่ต้องบินไปไกลถึงสิงคโปร์
นายเด็ด กล่าวว่า “การเข้ามาเปิดจัมโบ้ ซีฟู้ด สาขาแรกในประเทศไทย ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย และมากไปกว่านั้น ยังถือเป็นการเพิ่มแม็กเน็ตตัวเลือกทางด้านการกินดื่ม และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกทางหนี่งด้วย”
ทั้งนี้ การจับมือกับ จัมโบ้ ซีฟู้ดของสิงคโปร์เพื่อมาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยนั้น ได้เลือกสรรโลเคชั่นที่จะเหมาะสมที่สุด โดยเลือกไอคอนสยาม ด้วยเหตุผลที่เป็นโลเคชั่นที่ตอบโจทย์ทุกอย่างได้อย่างลงตัว และเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้งริมฝั่งแม้น้ำเจ้าพระยา และศักยภาพของโครงการไอคอนสยาม ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากตั้งแต่ยังไม่เปิดให้บริการ โดยไอคอนสยามเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะอภิมหาโครงการเมืองที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยจากทั่วประเทศและผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
นายเด็ด กล่าวว่า “จัมโบ้ ซีฟู้ด สาขาแรกมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราจึงตั้งใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการรังสรรค์เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่สุดประทับใจให้กับลูกค้าของเรา เพื่อให้จัมโบ้ ซีฟู้ด ที่ไอคอนสยาม เป็นจัมโบ้ ซีฟู้ดสาขาที่ดีที่สุด และสวยงามอลังการ คุ้มค่ากับการรอคอย อาหารคุณภาพ รสชาติอร่อยเหมือนต้นตำรับ ในบรรยากาศตระการตาสุดประทับใจ และด้วยศักยภาพของไอคอนสยาม ทำให้เรามั่นใจว่าจัมโบ้ ซีฟู้ด ที่ไอคอนสยามจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอย่างแน่นอน โดยคาดการณ์จะมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการ มากถึงกว่า 200,000 คนภายในช่วง 1 ปีแรก”
จัมโบ้ ซีฟู้ด ตั้งอยู่บนชั้น G ของไอคอนสยาม มีเนื้อที่กว่า 800 ตารางเมตร ถือเป็นร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดร้านอาหารหนึ่งของไอคอนสยาม สามารถรองรับลูกค้าได้ 250 – 300 ที่นั่ง ตัวร้านถูกโอบล้อมด้วยกระจกใสมองเห็นวิวแม่น้ำได้ 360 องศา มีการตกแต่งตู้ปลาที่ข้างในจะมีปู ล็อบสเตอร์และปลาว่ายน้ำ ความยาวถึง 5 เมตรด้านในร้าน สำหรับโซนที่นั่ง มีการจัดสรรโซนที่นั่งด้านนอกเพื่อสัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของสายน้ำเจ้าพระยาได้อย่างใกล้ชิด และโซนที่นั่งด้านในที่ตกแต่งอย่างสวยงามสไตล์คอนเทมโพรารีให้ความรู้สึกของสายน้ำ เกลียวคลื่น และท้องทะเล นอกจากนั้นยังมีห้องส่วนตัวในบรรยากาศอบอุ่นเหมาะกับการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัวอีกด้วย
เมนูซิกเนเจอร์ของจัมโบ้ ซีฟู้ด ทั้ง Award-Winning Chili Crab และ Signature Black Pepper Crab ตลอดจน ล็อบสเตอร์ ปูทาราบะ ปูดันเจนีส หอยงวงช้างและปลาหลายชนิดโดยวัตถุดิบจะนำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ แคนาดา เคนยา ศรีลังกา และญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีวัตถุดิบคุณภาพสูงจากในประเทศไทยเองด้วย เช่น กุ้งแม่น้ำ ปูไทย โดยเฉพาะปูทองหลางขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักอย่างต่ำตัวละ 1 กิโลกรัม ส่วนซอสต้นตำรับทั้ง 12 ชนิด และเครื่องปรุงหลักจะนำเข้ามาจากสิงคโปร์ทั้งหมด เพื่อคงรสชาติของอาหารตามแบบต้นตำรับซึ่งเป็นที่ชื่นชอบให้มากที่สุด