ถือเป็นอีกเวทีที่ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเปิดกว้างในการปั้นสไตลิสต์หน้าใหม่ กับงาน “สตรีท แฟชั่น วีค 2018” (Street Fashion Week 2018) โดยปีนี้ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ได้จับมือกับ นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ จัดโครงการ “สตรีท แฟชั่น สไตลิสต์ อวอร์ด 2018” (Street Fashion Stylist Award 2018) เฟ้นหาสุดยอดสไตลิสต์ประจําปี 2018 สานฝันผู้ที่มีใจรักแฟชั่น จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยมีไฮไลต์รางวัลอยู่ที่คอร์สเรียนแฟชั่นที่เกาหลี ซึ่งท้ายสุดได้สองหนุ่มสายอาร์ตจากทีม Nothing Is Wrong ที่ไม่เคยศึกษาด้านแฟชั่นมาก่อน แต่เพราะใจรักและความมุ่งมั่นเกินร้อย จึงคว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง
จิดาภา ศิริจิตร ผู้บริหารศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ และผู้จัดงาน “สตรีท แฟชั่น วีค 2018” เปิดเผยว่า ยูเนี่ยน มอลล์ จัดโครงการ “สตรีท แฟชั่น สไตลิสต์ อวอร์ด 2018” ขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งปีนี้ได้จับมือร่วมกับ นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ เพื่อตอกย้ำความเป็นศูนย์การค้าแห่งใหญ่ที่รวมสตรีทแฟชั่นแบบครบวงจร โดยเรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านแฟชั่นของคนไทยว่ามีฝีมือ จึงมุ่งส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ศักยภาพสไตลิสต์ไทยให้ก้าวไกล โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Ungendered Fashion #แฟชั่นไม่จํากัดเพศ”
สำหรับโครงการ “สตรีท แฟชั่น สไตลิสต์ อวอร์ด 2018” มุ่งเน้นความสามารถในการเป็นสไตลิสต์ เน้นการประยุกต์ใช้เสื้อผ้าที่มีอยู่แล้วมาสร้างสรรค์ ตกแต่งให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นการตัดเย็บขึ้นมาใหม่ ภายใต้หัวข้อ “Ungendered Fashion #แฟชั่นไม่จํากัดเพศ” โดยการประกวดมุ่งที่จะส่งเสริมสไตลิสต์รุ่นใหม่ให้มีเวทีแสดงผลงานและมีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์การทํางานจริงจากผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่น
“ตั้งแต่เปิดตัวโครงการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เราได้รับความสนใจ มีผู้เข้าร่วมประกวดถึง 256 ทีม คณะกรรมการของเราทํางานอย่างหนัก เพื่อคัดเลือกผลงานรอบแรกเหลือ 25 ทีม เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม Internal Present รับคําแนะนํากับสไตลิสต์ชั้นนําในการพัฒนาผลงาน ก่อนคัดเลือกให้เหลือ 5 ทีมสุดท้าย เพื่อนําผลงานมาประชันกันบนเวทีรอบชิงชนะเลิศ” จิดาภา กล่าว
ภายในงานประกวดรอบตัดสิน ซึ่งจัดขึ้นที่ ลานกิจกรรม ชั้น G ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ได้รับเกียรติจาก จิดาภา ศิริจิตร ผู้บริหารศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ร่วมด้วย สันติชัย อาภรณ์ศรี บรรณาธิการนิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิด้านแฟชั่น ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวด ได้แก่ คําฉันท์ ศรีสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์, Ms. Juhwa Yu ผู้อำนวยการสถาบันสอนแฟชั่น RASARA Fashion College, ชนิตตนัณท์ กาญจนสมวงศ์ สไตลิสต์นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์, “เก่ง” ธชย ประทุมวรรณ และนาตาเลีย เพลียแคม โดยมีเซเลบริตี้, แฟชั่นนิสต้า และสไตลิสต์ชื่อดังร่วมงาน อาทิ “เจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์, พิชญ์ กาไชย, “เซนติเมตร” จตุรภัทร เข็มนาค, “กันน์” สรวิศ แสงวณิช The Face Men Thailand, “แกงส้ม” ธนทัต ชัยอรรถ The Star และ “อ้อม” พิยดา จุฑารัตนกุล ตลอดจนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่รักแฟชั่นมาร่วมลุ้นว่าใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลสุดยอดสไตลิสต์ในรอบชิงชนะเลิศ
จนเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย พิธีกรประกาศรายชื่อทีมที่ได้รับรางวัลทั้ง 5 โดยรางวัลชมเชย ได้แก่ ทีม Toon’z X Toonz และทีม Family M ส่วนรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ ทีม Meden (เมเดน) รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ทีม First light และสุดท้ายรางวัลชนะเลิศตกเป็นของทีม Nothing Is Wrong
ชนิตตนัณท์ กาญจนสมวงศ์ สไตลิสต์นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า เกณฑ์ในการตัดสินจะมองถึงความสวยงามที่สวมใส่ได้จริง ร่วมถึงการตีความโจทย์ “Ungendered Fashion #แฟชั่นไม่จํากัดเพศ” ที่ออกมาอย่างลงตัว โดยภาพรวมผู้เข้าประกวดรอบนี้จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะทีมที่ชนะเลิศ
“ทีมที่ชนะถือว่ามีความโดดเด่นแตกต่างจากทุกทีม สิ่งหนึ่งคือเขาออกแบบสวมใส่ได้จริง ตัวผลงานนำมาต่อยอดได้ มีการตีความคอนเซ็ตป์ออกมาเป็นเสื้อผ้าได้ดี อย่างถ้าย้อนไปภาพรวมของรอบ 25 ทีม เราจะเห็นว่าบางทีมยังตีโจทย์ไม่แตก ความเป็น Ungendered Fashion ไม่จำเป็นว่าผู้ชายใส่กระโปรง หรือผู้หญิงใส่สูท ถึงจะตรงกับโจทย์ แต่ความเป็น Ungendered Fashion คือ แฟชั่นที่ไม่ว่าหญิง หรือชาย หรือเพศไหน ๆ ต้องใส่ได้ มันคือ Unisex ที่เกินขีดจำกัดเพศหญิงและชาย แต่รวมถึง LGBT ทุกเพศด้วย”
ด้านผู้ชนะเลิศทีม Nothing Is Wrong ประกอบด้วย บัญชา หลีกพาน และ คมสัน เพชรคง เผยถึงผลงานที่สร้างสรรค์ว่า ชื่อว่า AAS ย่อมาจากคำว่า Anabolic Androgenic Steroid เนื่องจากคอนเซ็ปต์การประกวดคือ Ungendered Fashion ทางทีมจึงตีความเป็นยา AAS ซึ่งยาฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ทำให้หญิงกลายเป็นชายและชายกลายเป็นหญิง เมื่อนำมาถ่ายทอดเป็นเสื้อผ้าจึงเหมือนเป็นชุดที่ผสมปนเปกัน นำเสื้อมาดัดแปลงเป็นชิ้นล่างได้ เป็นชุดที่หญิงหรือชายหรือเพศไหนก็นำไปใส่ได้
“การที่เรานำแนวคิดของ AAS มาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเรามองว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เมื่อนำมาถ่ายทอดเป็นเสื้อผ้า เราจึงคลุมโจทย์ด้วยแฟชั่นสไตล์ Camp (แฟชั่นแนวเล่นใหญ่) ซึ่งเป็นแนวทางที่แบรนด์แฟชั่นทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยเลือกใช้ผ้าสปอร์ต เพราะมีความเป็นยูนิเซ็กซ์ ใส่ได้ทุกเพศ แต่ในความเยอะต้องลงตัว ใส่ได้จริง สามารถนำไปต่อยอดขายได้จริง”
นอกจากนี้ผู้ชนะเลิศทีม Nothing Is Wrong ยังเสริมอีกว่า รู้สึกดีใจกับชัยชนะครั้งนี้ เพราะเต็มที่มากกับการแข่งขัน เนื่องจากรางวัลชนะเลิศของการประกวดคือ คอร์สเรียนแฟชั่นที่เกาหลี ซึ่งทั้งสองไม่ได้จบทางแฟชั่นดีไซน์ แต่จบด้านนิเทศศิลป์ จึงคิดว่ารางวัลนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ชีวิต
ทั้งนี้รางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัล ใบประกาศนียบัตร พร้อมเงินสด 30,000 บาท และคอร์สเรียนแฟชั่น REGULAR COURSE (1 เดือน) ที่ RASARA FASHION COLLEGE กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มูลค่า 30,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับเงินสนับสนุนค่าเดินทางและที่พัก มูลค่ารวม 70,000 บาท ที่สําคัญผลงานและประวัติจะได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร “Hamburger” และ “#SERIOUS SHOPPING” และสื่ออื่นๆ ของ ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ รวมไปถึงโอกาสในการร่วมงานโปรเจ็กต์สไตลิสต์กับศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ อีกด้วย
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 รับโล่และใบประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับโล่และประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท และรางวัลชมเชย 2 รางวัล รับใบประกาศนียบัตร พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท
นอกจากนี้ ภายในงานยังเติมสีสันความบันเทิงด้วยมินิคอนเสิร์ตจาก “จีน-กษิดิศ สำเนียง” ศิลปินผู้มีการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของรางวัล Best Style และ “เก่ง–ธชย ประทุมวรรณ” อีกด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน กระทั่งงานจบลงด้วยความประทับใจ