หัวเว่ยจัดงาน Huawei Connect 2018 งานมหกรรมระดับโลกด้านไอซีที ปีนี้จัดขึ้นในธีม “Activate Intelligence” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซโป โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ เทคโนโลยี AI รวมถึงความท้าทาย โอกาส นวัตกรรม และการใช้งานในรูปแบบต่างๆ
ในงาน มร. อีริค ซวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้ประกาศกลยุทธ์ AI ของหัวเว่ย รวมถึงแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack ซึ่งประกอบด้วยชิพ AI รุ่นใหม่Ascend ซึ่งเป็นชิพ AI IP รุ่นแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ครอบคลุมฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการคลาวด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากคุณสมบัติของชิพ Ascendและด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack นี้ หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะสร้างความเป็นอัจฉริยะ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม และสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อถึงกันเต็มรูปแบบ
ขับเคลื่อนกลยุทธ์ AI สู่อนาคตด้วยการเปลี่ยนแปลง 10 ประการ
หัวเว่ยคาดการณ์ว่าในปี 2568 ทั่วโลกจะมีจำนวนสมาร์ทดีไวซ์เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านเครื่อง และร้อยละ90 ของผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะมีผู้ช่วยสมาร์ทดิจิทัล มีการใช้งานดาต้าอยู่ที่ร้อยละ 86 และบริการ AI ก็จะมีพร้อมให้ใช้งาน จากข้อมูลของหัวเว่ย AI ได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีตัวใหม่สำหรับการใช้งานทั่วไป (General Purpose Technology – GPT) ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมและองค์กรต่างๆ บนโลกใบนี้
การเปลี่ยนแปลงเชิงรุกนับเป็นก้าวแรกของการก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นของ AI โดยหัวเว่ยได้กำหนดการเปลี่ยนแปลง 10 ประการขึ้นมา เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายดังกล่าว ประกอบด้วย
- รูปแบบการฝึกอบรมที่เร็วขึ้น
- นวัตกรรมด้านคอมพิวติ้งที่ทรงประสิทธิภาพในราคาที่ไม่สูง
- การใช้งาน AI และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
- อัลกอริธึ่มใหม่ๆ
- ระบบอัตโนมัติที่สั่งการด้วย AI
- แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานได้จริง
- ระบบวงจรปิดที่เป็นเรียลไทม์
- การผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน
- การสนับสนุนแพลตฟอร์ม
- การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรที่มีความสามารถ
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวังของหัวเว่ยที่มีต่ออุตสาหกรรม AI เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังที่คอยขับเคลื่อนกลยุทธ์ AI ด้วยเช่นกัน
“กลยุทธ์ AI ของหัวเว่ยคือ การลงทุนในด้านการวิจัยขั้นพื้นฐานและการพัฒนาบุคลากรผู้มีความสามารถ สร้างโซลูชั่น AI แบบ Full Stack สำหรับทุกอุตสาหกรรม และสร้างระบบนิเวศแบบเปิดให้เกิดขึ้นทั่วโลก”มร. อีริค ซวี กล่าวในระหว่างปาฐกถา
มร. อีริค ซวี อธิบายว่า “หัวเว่ยจะเดินหน้าแสวงหาแนวทาง เพื่อยกระดับการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี AI ทางด้านโทรคมนาคม เราจะนำเทคโนโลยี SoftCOM AI มาช่วยเสริมประสิทธิภาพ O&M ของเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น สำหรับตลาดคอนซูเมอร์ โซลูชั่น HiAI จะสร้างความเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงให้อุปกรณ์ดีไวซ์ต่างๆ มีความชาญฉลาดยิ่งกว่าที่เคย บริการพับลิคคลาวด์ Huawei EI และโซลูชั่นไพรเวทคลาวด์ FusionMind จะช่วยเสริมพลังการคอมพิวติ้งที่ทรงประสิทธิภาพในราคาที่จับต้องได้ให้กับทุกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจและรัฐบาล พร้อมช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถใช้ AI ได้ง่ายขึ้น โซลูชั่นของหัวเว่ยยังมี AI Acceleration Card, เซิร์ฟเวอร์ AI, อุปกรณ์เครื่องใช้ AI รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย”
กลยุทธ์ AI ของหัวเว่ย จะเน้นการพัฒนาใน 5 ด้าน ดังนี้
- การลงทุนวิจัยด้าน AI เน้นพัฒนาขีดความสามารถขั้นพื้นฐานของแมชชีนเลิร์นนิ่งในด้านต่าง ๆ เช่น การประมวลภาพด้วยคอมพิวเตอร์, การประมวลภาษาธรรมชาติ รวมถึงการตัดสินใจ/การอนุมาน ฯลฯ หัวเว่ยยังได้เน้นย้ำเกี่ยวกับแมชชีนเลิร์นนิ่งในด้านต่างๆ ได้แก่
- ประสิทธิภาพด้านดาต้าและพลังงาน (เช่น การใช้ดาต้า, คอมพิวติ้ง และพลังงานน้อยลง)
- ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
- ระบบอัตโนมัติ/การทำงานโดยอัตโนมัติ
- การสร้างผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack
- มอบพลังการคอมพิวติ้งที่ทรงประสิทธิภาพ ในราคาที่ไม่สูง
- จัดหาแพลตฟอร์ม AI ที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย พร้อมบริการครบวงจร
- ปรับใช้โซลูชั่นได้ทุกการใช้งาน ทั้งแบบสแตนด์อโลนและการใช้งานร่วมกัน ระหว่างคลาวด์ เอดจ์ และดีไวซ์
- การพัฒนาระบบนิเวศแบบเปิดและบ่มเพาะผู้มีความสามารถ เน้นผสานความร่วมมือในวงกว้างระหว่างสถาบันวิชาการชั้นนำ ภาคอุตสาหกรรมและพันธมิตรจากทั่วโลก
- การเสริมความแข็งแกร่งให้กับโซลูชั่นที่มีอยู่ ผสานแนวคิดและเทคนิค AI ไว้ในผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มีอยู่ เพื่อสร้างมูลค่าให้สูงยิ่งขึ้นและเสริมสมรรถนะด้านการแข่งขัน
- การขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้านปฏิบัติการของหัวเว่ย นำ AI มาใช้กับกิจกรรมทางธุรกิจจำนวนมากที่มีขั้นตอนซ้ำๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงานให้ดียิ่งขึ้น
มร. อีริค ซวี ได้กล่าวว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack ของหัวเว่ยจะช่วยเร่งให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเป็นอัจฉริยะให้เกิดขึ้นในวงกว้าง และนำไปสู่ความเป็นโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ
ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack รองรับทุกการใช้งานของหัวเว่ย: เปี่ยมประสิทธิภาพการคอมพิวติ้ง ในราคาที่จับต้องได้ ดึงคุณสมบัติ AI ออกมาใช้งานได้โดยตรง
ในงานวันนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวซีรี่ส์ Ascend AI IP และชิพ ซึ่งถือเป็นชุด AI IP และชิพรุ่นแรกของโลกที่สามารถรองรับทุกการใช้งานภายในตัวเอง พร้อมเทคโนโลยี TeraOPS ต่อวัตต์ มอบประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดต่อพลังงานหนึ่งวัตต์ในทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่กินพลังงานน้อยที่สุดหรืองานด้านคอมพิวติ้งที่ใช้พลังงานมากที่สุดในดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตาม สถาปัตยกรรมแบบเบ็ดเสร็จยังช่วยให้สามารถใช้งาน โยกย้ายข้อมูล และเชื่อมโยงกับแอพพลิเคชั่น AI ได้สะดวกยิ่งขึ้นในลักษณะการใช้งานรูปแบบต่างๆ
ชิพ Ascend 910 และ Ascend 310 ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ ได้ตอกย้ำศักยภาพด้าน AI ระดับชั้นนำของหัวเว่ยในอุตสาหกรรมชิพ ซึ่งเป็นเลเยอร์ชั้นล่างสุด ชิพทั้งสองรุ่นนี้จะช่วยเร่งให้สามารถนำ AI มาใช้ในทุกอุตสาหกรรมได้เร็วขึ้นมาก
ในงานวันนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวซีรี่ส์ Ascend AI IP และชิพ ซึ่งถือเป็นชุด AI IP และชิพรุ่นแรกของโลกที่สามารถรองรับทุกการใช้งานภายในตัวเอง พร้อมเทคโนโลยี TeraOPS ต่อวัตต์ มอบประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดต่อพลังงานหนึ่งวัตต์ในทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่กินพลังงานน้อยที่สุดหรืองานด้านคอมพิวติ้งที่ใช้พลังงานมากที่สุดในดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตาม สถาปัตยกรรมแบบเบ็ดเสร็จยังช่วยให้สามารถใช้งาน โยกย้ายข้อมูล และเชื่อมโยงกับแอพพลิเคชั่น AI ได้สะดวกยิ่งขึ้นในลักษณะการใช้งานรูปแบบต่างๆ
ชิพ Ascend 910 และ Ascend 310 ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ ได้ตอกย้ำศักยภาพด้าน AI ระดับชั้นนำของหัวเว่ยในอุตสาหกรรมชิพ ซึ่งเป็นเลเยอร์ชั้นล่างสุด ชิพทั้งสองรุ่นนี้จะช่วยเร่งให้สามารถนำ AI มาใช้ในทุกอุตสาหกรรมได้เร็วขึ้นมาก
นอกจากชิพรุ่น Ascend แล้ว กลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack ของหัวเว่ย ยังมี
- สถาปัตยกรรมด้านการคำนวณสำหรับเครือข่ายกลาง (Compute Architecture for Neural Networks – CANN): เป็นคลังข้อมูลสำหรับผู้พัฒนาชิพและชุดเครื่องมือการพัฒนาสำหรับผู้ดำเนินการระบบอัตโนมัติขั้นสูง
- MindSpore: การฝึกอบรมแบบเบ็ดเสร็จและการกำหนดขอบข่ายเพื่อการอนุมาน สำหรับดีไวซ์ เอดจ์ และคลาวด์ (ทั้งแบบสแตนด์อโลนและแบบใช้งานร่วมกัน)
- การเสริมประสิทธิภาพแอพพลิเคชั่น: บริการ (ModelArts), API แบบลำดับขั้น และโซลูชั่นพรี-อินทิเกรต
ทำไมจึงต้องเป็น “Full Stack” และ “All scenarios”
“Full Stack” หมายถึง ความพรั่งพร้อมด้านฟังก์ชั่นการใช้งานเทคโนโลยีของหัวเว่ย ซึ่งในกลุ่มโซลูชั่น ของหัวเว่ยนั้นประกอบไปด้วยชิพ การเสริมประสิทธิภาพชิพ การฝึกอบรมและการกำหนดขอบข่ายเพื่อการอนุมาน และการเสริมประสิทธิภาพแอพพลิเคชั่น
ส่วนคำว่า “all scenarios” หัวเว่ยหมายถึง ลักษณะการใช้งาน AI ที่แตกต่างกัน รวมถึงพับลิคคลาวด์และไพรเวทคลาวด์ เอ็ดจ์คอมพิวติ้งในทุกรูปแบบ อุปกรณ์ IoT เชิงอุตสาหกรรม และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานส่วนบุคคล
การรวมเทคโนโลยี AI เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของหัวเว่ยในการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI และกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full Stack สำหรับทุกการใช้งาน หัวเว่ยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุก ๆ ฝ่ายเพื่อผลักดันให้เทคโนโลยี AI สามารใช้งานได้จริง ผนวกรวมเทคโนโลยี AI เข้าไปเพื่อให้ทุกคน ทุกบ้านและทุกองค์กร ได้ใช้งาน
ในเดือนกันยายน 2560 หัวเว่ยได้เปิดตัวแพลตฟอร์มบริการ Huawei Cloud EI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการ AI สำหรับองค์กรธุรกิจและภาครัฐ ต่อมาในเดือนเมษายน 2561 หัวเว่ยได้ประกาศเปิดตัว HiAIซึ่งเป็นโปรแกรม AI สำหรับสมาร์ทดีไวซ์ และล่าสุดกับกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI แบบ Full stackสำหรับทุกลักษณะการใช้งานของหัวเว่ย ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพของ Huawei Cloud EIและ HiAI ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น AI ทำให้ Huawei Cloud EI สามารถส่งมอบโซลูชั่นที่พรั่งพร้อมให้กับลูกค้าองค์กรธุรกิจและหน่วยงานรัฐ และ HiAI จะมอบคุณสมบัติดังกล่าวให้กับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ โดยบริการ HiAI นั้นเองก็ติดตั้งใช้งานอยู่บน Huawei Cloud EI
HUAWEI CONNECT 2018 กับแนวคิด “Activate Intelligence” จัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม เซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซโป ตั้งแต่วันที่ 10-12 ตุลาคมนี้
งาน Huawei Connect ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อผลักดันธุรกิจและองค์กรต่างๆ ให้ก้าวรุดหน้าและร่วมขับเคลื่อนโลกอัจฉริยะไปด้วยกัน โดยภายในงานมีทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิของวงการ ผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและพันธมิตรในแวดวง ที่จะมาร่วมกันกำหนดแนวทางและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ไปด้วยกัน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่