เฟซบุ๊กถือเป็นช่องทางค้าขายสินค้าออนไลน์หรือที่เรียกว่าโซเชียลคอมเมิร์ซ ทีได้รับความนิยมในเมืองไทย แต่ผู้บริโภคต้องประสบกับปัญหาร้านค้าบอกราคาไว้หน้าเพจ แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปกติหรือร้านค้าออนไลน์
กระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊ก ที่ผู้ขายมักจะใช้วิธีการแจ้งทาง Inbox หรือให้ Inbox เข้าไปสอบถามราคา โดยไม่ยอมแจ้งราคาจำหน่ายเอาไว้ ทำให้ผู้บริโภคไม่ทราบราคาที่แท้จริง และมักจะถูกเอาเปรียบในการซื้อสินค้าที่ราคาสูงเกินจริง หรือแม้กระทั่งการซื้อสินค้าชนิดเดียวกันจากร้านเดียวกันก็ได้ราคาที่ไม่เท่ากัน ซึ่งถือว่าผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เพราะไม่มีการแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน
“การแจ้งผ่านทาง Inbox ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท”
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้การจำหน่ายสินค้าและบริการจะต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน เป็นตัวเลขภาษาอารบิก แสดงขนาด ปริมาณ น้ำหนักให้ชัดเจน ราคาต้องเป็นภาษาไทย ราคาต้องตรงกับราคาที่ขายจริง แต่หากขายต่ำกว่าราคาปกติก็สามารถทำได้แต่ต้องระบุให้ชัดเจน และหากมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาสินค้าและบริการ เช่น ค่าขนส่ง ค่าหีบห่อ เป็นต้น จะต้องแจ้งให้ชัดเจนด้วย
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ประชาชนที่พบเห็นการจำหน่ายสินค้าโดยไม่ปิดป้ายแสดงราคา สามารถแจ้งเรื่องได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และเมื่อมีการจับกุมและทำการเปรียบเทียบปรับได้แล้ว ผู้ที่แจ้งจะได้รับสินบนนำจับ 25% ของเงินค่าปรับ เช่น หากปรับสูงสุด 10,000 บาท ก็จะได้รับส่วนแบ่ง 2,500 บาท จึงอยากจะขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและแจ้งเรื่องเข้ามาได้หากมีการพบเห็น
ส่วนกรณีการจำหน่ายสินค้าปลอมทางเฟซบุ๊ก กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีการตรวจสอบและร่วมมือกับเจ้าของสิทธิ์ในการ Report เข้าไปยังเฟซบุ๊ก เพื่อให้ทำการปิดบัญชีอย่างต่อเนื่อง และยังได้ร่วมมือกับเจ้าของสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งการสืบค้นหาสถานที่ที่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าและเข้าไปจับกุม
ในส่วนของการจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ที่แจ้งเบาะแสก็จะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับเช่นเดียวกันกับการแจ้งเบาะแสการไม่ปิดป้ายแสดงราคา โดยแจ้งได้ที่สายด่วน 1368 แต่จะได้รับส่วนแบ่งมากกว่าเพราะค่าปรับในคดีปลอมเครื่องหมายการค้าสูงกว่า โดยหากคดีถึงที่สุดแล้ว และมีการสั่งปรับผู้ที่จำหน่ายสินค้าปลอม จะได้รับส่วนแบ่ง 20% ของเงินค่าปรับทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาได้จ่ายไปแล้วเป็นหลักล้านบาท