พาณิชย์ จับมืออาลีบาบา คุย “แจ็ค หม่า” ดึง “เถาเป่าโมเดล” แก้ปัญหายากจนในไทย


“เถาเป่าโมเดล” ถือเป็นต้นแบบการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศจีน โดยมีจุดเริ่มต้นจากการรวมตัวของชาวบ้านในชุมชนที่ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือนจับมือกันผลิตและวางขายสินค้าของตนเองผ่านทาง Taobao Marketplace โมเดลนี้ค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และได้กลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อการพัฒนาอีคอมเมิร์ซในชนบทในประเทศจีน

ปัจจุบันมีเถาเป่าวิลเลจเกิดขึ้นมากกว่า 1,300 แห่ง ซึ่งนิยามของเถาเป่าวิลเลจ โมเดล ที่อาลีบาบาให้คำจำกัดความไว้ก็คือ

1.เป็นชุมชนที่ค้าขายโดยใช้ Taobao Marketplace

2.มียอดการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซอย่างน้อย 10 ล้านหยวน (1.6 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 53 ล้านบาท) ต่อปี

3.อย่างน้อย 10% ของครัวเรือนในหมู่บ้านที่มีส่วนร่วมใน Taobao Marketplace หรือมีอย่างน้อย 100 ร้านค้าที่ชาวบ้านเปิดค้าขายบนแพล็ตฟอร์มนี้

โดยธนาคารโลกนั้นยอมรับว่าโมเดลนี้ช่วยลดปัญหาความยากจนในจีนจาก 30% เหลือแค่ 8% กระทรวงพาณิชย์ไทยได้เล็งเห็นถึงจุดแข็งของโมเดลนี้จึงเตรียมพร้อมจัดทีม “พาณิชย์-มหาดไทย-เกษตร-อุตสาหกรรม” ยกทัพไปศึกษารูปแบบวิธีการกับอาลีบาบา ก่อนนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2561 ตนจะนำคณะผู้แทนภาครัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เดินทางไปหารือกับผู้บริหารของอาลีบาบาที่ดูแลโครงการ “เถาเป่าวิลเลจ” ซึ่งเป็นโครงการที่อาลีบาบานำมาใช้ในการให้ความช่วยเหลือคนยากคนจนที่อยู่ในชนบทของจีนให้สามารถขายสินค้าโดยขายผ่านทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถช่วยแก้ปัญหาความยากจนให้คนจีนได้สำเร็จ

“การแก้ไขปัญหาความยากจนในจีน ธนาคารโลกได้ยอมรับว่าการใช้ระบบดิจิทัล การค้าขายออนไลน์สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนได้จริง โดยลดจำนวนผู้ยากจนจากที่มีอยู่ 30% ของประชากรลดลงเหลือแค่ 8% ในปัจจุบัน ผมจึงได้หารือกับนายแจ็คหม่าว่ามีความสนใจในโมเดลนี้ และอยากหารือในรายละเอียดเพื่อนำโครงการมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนของไทย โดยผมบอกกับแจ็คหม่าว่าเรื่องแก้ปัญหาความยากจนนั้นเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งเท่าที่พูดคุยหารือ แจ็คหม่าก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้ และเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน โดยได้มอบหมายให้ผู้ที่ดูแลโครงการไปพูดคุยในรายละเอียดต่อ ผมจึงต้องเดินทางไปเอง” นายสนธิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากไปหารือรายละเอียดการขับเคลื่อนโครงการกับผู้บริหารอาลีบาบาแล้ว จะนำรายละเอียดต่างๆ มาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาความยากจนในไทย โดยจะมีความชัดเจนว่าจะเริ่มที่จังหวัดไหน สินค้าอะไร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการอะไรบ้าง โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนในการขับเคลื่อนหลัก เพราะที่ผ่านมามีหลายๆ หน่วยงานทำแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งครั้งนี้จะผลักดันให้ประสบความสำเร็จให้ได้

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้หารือกับผู้บริหารเหอหม่า ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เกตในเครืออาลีบาบาที่จำหน่ายสินค้าสด เช่น ผัก ผลไม้ อาหารทะเล ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าเพื่อรับประทานที่ร้าน หรือซื้อแล้วให้จัดส่งไปที่บ้านก็ได้ โดยจุดเด่นของเหอหม่าคือ ขายสินค้าสดที่มีต้นทุนถูกกว่าราคาจำหน่ายในท้องตลาด โดยกระทรวงฯ จะร่วมมือในการจัดส่งสินค้าสดให้กับเหอหม่าเพื่อนำไปจำหน่ายแก่ผู้บริโภคชาวจีน “ตอนนี้กำลังคุยกันในรายละเอียดว่าเหอหม่าต้องการสินค้าอะไรจากไทย ปริมาณเท่าไร คุณภาพและมาตรฐานเป็นแบบไหน ราคาเป็นอย่างไร ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารสดของไทยไปจีนได้อีกมาก” นอกจากนี้ยังได้หารือกับอาลีบาบาในการเพิ่มจำนวนสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายใน Tmall ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายสินค้าข้าว ทุเรียน และลำไยไปแล้ว โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกสินค้าเข้าไปจำหน่ายให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น