เอ็นอีเอ ชูไฮไลท์หลักสูตรและบริการเด่นไม่ควรพลาด ปี 2562 อาทิ โครงการผู้ส่งออกอัจฉริยะ : Smart Exporter โครงการ CLMVT+ Executive Program on New Economy โครงการต้นกล้าทูโกล หลักสูตรออนไลน์ NEA E-Academy
สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA (New Economy Academy) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เผยแผน ปี 62 ตั้งเป้าพัฒนาผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 250,000 ราย ผ่านโครงการและกิจกรรมฝึกอบรมกว่า 130 กิจกรรม โดยในปีหน้ายังมุ่งเน้นขยายการพัฒนาผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ลดความเลื่อมล้ำในการสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ โดยมีไฮไลท์โครงการและกิจกรรมเด่น โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ หลักสูตรระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง อาทิ หลักสูตร “ความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก” หลักสูตรผู้ส่งออกอัจฉริยะ : Smart Exporter หลักสูตร CLMVT+ Executive Program on New Economy หลักสูตรต้นกล้าทูโกล หลักสูตรสร้างพี่เลี้ยงทางการค้า (Train The Trainers) รวมถึงบริการหลักสูตรออนไลน์ NEA E-Academy ฯลฯ ข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ https://nea.ditp.go.th/ หรือ www.facebook.com/nea.ditp
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA (New Economy Academy) ภายใต้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจพลิกฟื้นโอกาสให้ผู้ประกอบการระดับฐานรากพัฒนาไปสู่โกลบอล ภายใต้นโยบาย “Local สู่ Global โดยตลอดปีงบประมาณ 2561 สถาบันฯ ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม/สัมมนา/เสวนากว่า 120 โครงการ ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 5 หลักสูตรของสถาบัน โดยมีผู้ประกอบการจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการกว่า 204,000 ราย นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาสถาบันฯ ยังสามารถสร้างพันธมิตรความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย รวมทั้งสิ้น 80 หน่วยงาน และมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทั้ง 27 หน่วยงาน โดยจะสามารถเป็นกลไกในการสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจยุคใหม่ไปยัง ผู้ประกอบการในทุกระดับ
ด้าน นายพรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปี 2562 สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ภายใต้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งเป้าพัฒนาโครงการกิจกรรมฝึกอบรมผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า ทั้งสิ้น 130 โครงการ และคาดว่าจะสามารถพัฒนาผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 250,000 ราย หรือ เพิ่มกว่าเดิมไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 10 นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในการพัฒนาผู้ประกอบการพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ผ่านการ บูรณาการความร่วมมือในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้ครอบคลุมทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ลดความเลื่อมล้ำในการสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ โดยมีไฮไลท์โครงการและกิจกรรมเด่นในปี 2562 ที่เตรียมกำหนดจัดขึ้น ทั้งที่เป็นโครงการประจำที่จัดต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมถึงโครงการที่ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่
หลักสูตรระดับต้น (Beginner)
1. หลักสูตร “ความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก” ถือได้ว่าเป็นโครงการที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมใน ยุคเริ่มแรกของสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศจนกระทั่งปัจจุบัน โดยเนื้อหาการอบรมหลักสูตรเป็นการเสริมสร้างความรู้เบื้องต้น และเทคนิคให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการประกอบธุรกิจส่งออก โดยในปีนี้จะจัดขึ้นอีก 2 รุ่นเป็นรุ่นที่ 134-135
2. หลักสูตร “ต้นกล้า ทูโกล” ภายใต้โครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล หลักสูตรที่ครอบคลุมเนื้อหา เชิงปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ด้วยการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โดยมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจ SMEs ในระดับภูมิภาค
3. โครงการพัฒนานักส่งออกรุ่นใหม่ : Young Exporter from local to Global (YELG) เพื่อสร้างผู้ส่งออกรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ ด้วยการฝึกอบรมด้านพื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ ในพื้นที่ทั่วประเทศครอบคลุม 5 ภูมิภาค พร้อมทั้งมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ ความรู้ด้านการตลาด อาทิ การเตรียมความพร้อมสินค้าสำหรับ การส่งออก เทคนิคการนำเสนอ และขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อการส่งออก
4. โครงการ Export Clinic : เจาะลึกโอกาสตลาดต่างประเทศกับกูรูพาณิชย์ เป็นโครงการที่ได้รับเกียรติจากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในแต่ละภูมิภาค มาให้คำปรึกษาแนวโน้ม และลู่ทางการตลาดในประเทศต่างๆ แบบตัวต่อตัว เพื่อขอรับคำปรึกษาทางด้านการทำการค้าในต่างประเทศที่สนใจ
5. หลักสูตรสร้างพี่เลี้ยงทางการค้า (Train The Trainers) หลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการในด้านการดำเนินธุรกิจและการค้า ด้วยการอบรมพัฒนาองค์ความรู้ การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร และทำการค้าระหว่างประเทศ เพื่อกระจายองค์ความรู้ไปยังผู้ประกอบการในทุกพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง และเข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยในระดับชุมชนท้องถิ่นทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค
6. กิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่ หัวข้อ “ครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ by NEA หลักสูตรที่ได้มีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานพันธมิตร โดยในปีหน้าจะจัดขึ้นทั้งสิ้น 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย จันทบุรี ภูเก็ต ขอนแก่น และกรุงเทพ โดยเนื้อหาหลักสูตรจะสอดคล้องกับสถานการณ์การค้าออนไลน์ยุคใหม่ ด้วยการผสานองค์ความรู้ร่วมกันกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ อาลีบาบา (ประเทศไทย), Google (Thailand), Paypal(Thailand), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (Exim Bank),บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ DHL เป็นต้น
7. โครงการ E – Commerce Week จะเป็นการรวบรวมสัมมนาใหม่ๆ เกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยการแบ่งการอบรมและสัมมนาเป็นซีรีย์ในทุกๆ 2 เดือน โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ของแต่ละพาร์ทเนอร์ ดังนี้ Online Marketing, Platform, Payment และมีแผนในการเพิ่มพันธมิตรเพิ่มอีกตามลำดับ
8. บริการหลักสูตรออนไลน์ NEA E-Academy การให้ความรู้กับผู้ประกอบการในรูปแบบออนไลน์ โดยมีหลักสูตรที่เกี่ยวกับการทำการค้าออนไลน์ การตลาดออนไลน์ ตลอดจนองค์ความรู้ในรูปแบบการเรียนออนไลน์ (E-Academy) ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งความรู้ได้สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา เหมือนเรียนกับผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด โดยเปิดนำร่องให้บริการแล้วที่ https://e-academy.ditp.go.th/
หลักสูตรระดับกลาง (Intermediate)
9. การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “ผู้ส่งออกอัจฉริยะ : Smart Exporter” หลักสูตรที่มีเนื้อหาจะครอบคลุมองค์ความรู้และทักษะการบริหารจัดการด้านการส่งออกที่สำคัญอย่างครบวงจร เพื่อนำไปสู่การปรับกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ
10. โครงการ Passport to Global รุ่นที่ 3 หลักสูตรสร้างความเข้มแข็งและสร้างเครือข่ายพันธมิตรระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการ โดยได้จัดโครงการจำนวน 5 ครั้ง ๆ ละ 2 วัน ใน 5 ภูมิภาค/จังหวัด (ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้) และได้คัดเลือกผู้ชนะ 5 ราย 5 แผนธุรกิจยอดเยี่ยม จากทั้งหมด 1,250 รายทั่วประเทศ
หลักสูตรระดับสูง (Advance)
11. กิจกรรม CLMVT+ Executive Program on New Economy โครงการสำหรับผู้บริหารระดับสูง ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยในปีหน้าได้มีการพัฒนาหลักสูตรเพิ่มขึ้นและขยายฐานผู้ประกอบการที่ไม่ใช่เพียงในกลุ่มประเทศ CLMVT เท่านั้น แต่ขยายวงกว้างไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง และผนึกกำลังด้านการทำการค้าและการลงทุนได้กว้างขึ้น
ล่าสุด สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ได้เตรียมจัดโครงการ “เปิดบ้าน DITP (Open House)” เพื่อเป็นแสดงพลังการทำงานขับเคลื่อนในแต่ละภาคส่วนภายใต้การดำเนินงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นการโชว์ศักยภาพของผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการกับทางกรมที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้าน พร้อมเปิดบ้านโชว์สินค้าและผลิตภัณฑ์ต้อนรับผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับสถาบันและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ยังได้มีการจัดโครงการหลักสูตร อบรม และสัมมนาอีกจำนวนมากที่จะเป็นประโยชน์ในการทำการค้า ทำการตลาดรวมถึงการทำการค้าออนไลน์ และการส่งออกสินค้าและบริการไปยังต่างประเทศ ซึ่งเหมาะกับผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับฐานรากไปจนถึงระดับสากล ที่จะช่วยเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ที่สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ รวมถึงผู้ประกอบการยังจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมงานและสนับสนุนการทำการค้าได้ครบทุกมิติกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อาทิ ให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจ โอกาสในการจัดแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ และช่องทางในการพัฒนาธุรกิจจากระดับชุมชนให้กลายเป็นธุรกิจระดับสากลได้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจการค้าเติบโตจากฐานรากสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ภายในปี 2564” ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ https://nea.ditp.go.th/ หรือ www.facebook.com/nea.ditp