ดีแทคจับมืออีริคสันนำ 5G-Ready Massive MIMO 64T6R ให้บริการครั้งแรกในไทย

  • ครั้งแรกในประเทศไทยกับเทคโนโลยี 5G-Ready Massive MIMO 64T64R บนเครือข่าย 4G TDD
  • ยกระดับขีดความสามารถ (Capacity) ทุกประสบการณ์ใช้งานบนสมาร์ทโฟน
  • 5G-Ready Massive MIMO 64T64R ยกระดับคุณภาพชีวิตเหนือกว่า พร้อมสู่เทคโนโลยี 5Gได้อย่างไร้รอยต่อ

อีริคสัน (ประเทศไทย) ร่วมมือกับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค พันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดีแทค เทอร์โบ นำเทคโนโลยี 5G-Ready Massive MIMO บนเครือข่าย 4G TDD ที่โรมมิ่งบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ของทีโอทีมาทดลองใช้งานครั้งแรกในประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2561 อีริคสันและดีแทคได้ร่วมกันทดสอบ 5G-Ready Massive MIMO 64T64R  ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคกลางฝั่งตะวันออก และภาคตะวันตกของประเทศไทย 5G-Ready Massive MIMO 64T64R เป็นนวัตกรรมด้านการอุปกรณ์สื่อสารของอีริคสันที่ไม่ใช่แค่ยกระดับประสบการณ์ใช้งานดาต้าในวันนี้ แต่ยังพร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G บนบริการดีแทค เทอร์โบได้ในอนาคต

ดีแทคได้เปิดเผยถึงแผนการที่จะขยายการให้บริการบนดีแทค เทอร์โบ นอกจากจะเร่งขยายเสาสัญญาณคลื่น 2300 MHz แล้วยังนำ Massive MIMO 64R64R ที่เหนือกว่าในการรับส่งสัญญาณดาต้ามาให้ลูกค้าได้ใช้งานจริง ซึ่งจะทำให้การใช้งานดาต้าในพื้นที่ที่ผู้ใช้บริการหนาแน่นมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และยังเหมาะกับพื้นที่ใช้งานดาต้าสูงที่มีความต้องการใช้งานในรูปแบบต่างกัน โดยอุปกรณ์จะรับส่งสัญญาณเฉพาะจุด หรือ Beam forming เจาะจงเฉพาะให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่กำลังใช้งานขณะนั้นอย่างแม่นยำ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสัญญาณไปยังอุปกรณ์อีกหลายจุดในพื้นที่เดียวกัน ภายในเวลาและความถี่เดียวกัน ทำให้เพิ่มขีดความสามารถการครอบคลุมของโครงข่ายได้มากขึ้นบนคลื่น 2300 MHz โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่นได้อย่างมีนัยสำคัญ

โดยในปีนี้ดีแทคได้ทำการทดสอบและเริ่มใช้ 5G-Ready Massive MIMO 64T64R เพื่อรับรองการใช้งานในย่านพื้นที่ที่ผู้ใช้บริการหนาแน่นแล้ว ผลการทดสอบความเร็วจากอุปกรณ์ในการรับส่งข้อมูลสูงสุดของ 5G-Ready Massive MIMO สามารถทำได้เร็วขึ้นถึง 4-5 เท่าเมื่อเทียบกับอุปกรณ์รับส่งปกติ ซึ่งจะทำขีดความสามารถรองรับการใช้งานหรือ Capacity ในพื้นที่มีการใช้งานสูงและหนาแน่นมีการเฉลี่ยความเร็วในการับส่งดาต้าทำให้ใช้งานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น

ประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคกำลังเร่งขยายบริการดีแทคเทอร์โบ ที่โรมมิ่งบนคลื่น 2300 MHz ที่เป็นพันธมิตรกับทีโอที และนำมาให้บริการในรูปแบบ 4G LTE-TDD อย่างต่อเนื่องทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ เพื่อรองรับทิศทางการเติบโตการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถรองรับการใช้งานลูกค้าในพื้นที่ใช้งานหนาแน่น เราจึงได้ร่วมกับอีริคสันนำอุปกรณ์อัปเกรดเสาสัญญาณด้วยเทคโนโลยี 5G-Ready Massive MIMO 64T64R ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานบนคลื่น 2300 MHz ที่ให้บริการ 4G LTE-TDD โดยในพื้นที่ที่ให้บริการลูกค้าจะได้ประสบการณ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการับชมวิดีโอความละเอียดสูง แบบ FULL HD และการใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ เราเชื่อมั่นว่านอกจากจะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าที่ใช้งานกับดีแทคแล้ว นี่ยังเป็นอีกก้าวที่ทดสอบความพร้อมที่จะก้าวสู่ 5G ในอนาคตของดีแทคอีกด้วย”

นาดีน อัลเลน ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G-Ready Massive MIMO 64T64R ของอีริคสัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย 4G LTE-TDD ของดีแทคให้มีคุณภาพสูง พร้อมทั้งยังเพิ่มความสามารถ (Capacity)ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อใช้งานรับชมวิดีโอ ความละเอียดสูง แบบ Full HD และการใช้งานอินเทอร์เน็ตอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่นและบริเวณตึกสูงอย่างในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งานข้อมูลในปริมาณมาก การนำเทคโนโลยี 5G-Ready Massive MIMO 64T64R มาใช้ นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมไทย และเป็นการเตรียมความพร้อมของเส้นทางสู่ 5G สำหรับดีแทค”

อีริคสันยังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้าน Radio System เพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการในการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เทคโนโลยี 5G ได้อย่างไร้รอยต่อ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขยายเพิ่มเติมนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น เข้าถึง 5G แบบ end-to-end ซึ่งรวมไปถึง 5G NR Radio ครั้งแรกในอุตสาหกรรมระดับโลก

นอกจากนี้อีริคสันยังเป็นเจ้าแรกในตลาดสำหรับโซลูชั่นส์ที่จะเปลี่ยนถ่าย 4G สู่ 5G ได้อย่างราบรื่น โดยใช้แพลทฟอร์ม 5Gใหม่ของอีริคสัน ผนวกกับ Core และ Radio use cases ซึ่งแพลทฟอร์มใหม่นี้ประกอบไปด้วย 5G core, Radio และ Transport portfolios ทำงานร่วมกับระบบดิจิทัล บริการด้านการเปลี่ยนถ่ายและความปลอดภัย