ภาพจำของ “ฟูลมูนปาร์ตี้” ที่หลายคนเคยประสบมา อาจจะดูดิบ ดูดาร์ก ดูเละเทะ จนทำให้ชื่อของงาน ปาร์ตี้วันพระจันทร์เต็มดวงนั้นเข้าขั้นติดลบในความรู้สึกของใครหลายคน “ SangSom ” เอง ต้องการเปลี่ยน นิยามของฟูลมูนปาร์ตี้นี้ สู่อีเวนต์ที่สร้างสรรค์และแตกต่าง พร้อมส่งมอบประสบการณ์แปลกใหม่ ให้แก่ทุกคน ที่มาร่วมงานได้สัมผัส จนเกิดเป็นแคมเปญ Redefine Full Moon สุดปัง ยกระดับสู่ความมันในแบบสร้างสรรค์ ที่คนชิคๆ คูลๆ ต่างอยากมาร่วมงาน
โดยงานแรกนั้นใช้สถานที่เปิดตัวแคมเปญที่เชียงใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ปาร์ตี้ฟูลมูนท่ามกลางป่า “ระบบนิเวศน์ ป่า…ตี้ นี้คุณคือใคร?” ที่แทนตัวของคนร่วมงานเป็นนานาสิงสาราสัตว์ อย่าง นก เสือ ชะนี เก้ง ฯลฯ ตามพฤติกรรมและการแสดงออกของแต่ละคน พร้อมออกแบบพื้นที่จัดงาน กลายเป็นดินแดนบนดวงจันทร์ ให้ผู้มาร่วมงานได้มีประสบการณ์เสมือนขึ้นไปปาร์ตี้บนดวงจันทร์จริงๆ เป็นการ Redefine Full Moon ขึ้นมาโดยใส่ความเป็นอาร์ต ความเป็นครีเอทีฟลงไปในงาน ซึ่งกระแสตอบรับจากผู้ที่ไปร่วมงานนั้นถือว่าดีมากๆ
มาถึงแคมเปญในปีนี้ SangSom ได้ต่อยอดความสำเร็จการจัดฟูลมูนปาร์ตี้ขึ้นที่กรุงเทพฯ จัดอีเวนต์จุใจถึง 3 วัน คือ 9, 16, 23 พฤศจิกายน 2018 ด้วยการหยิบคอนเซ็ปต์สุดแหวกแนวมาสร้างปรากฏการณ์ “ SangSom MOONOMENA ” ที่นำเสนอ Visual Exhibition จากฝีมือดีไซเนอร์ Trimode สร้างสรรค์งานออกแบบพื้นที่ ด้วยลาย กราฟิกที่ได้รับ แรงบันดาลใจจากเส้นขวางขาวดำพรางตา เป็น Optical illusion ชวนเวียนหัว “มูน หมุ่น มุ่น มุ้น หมุน” พร้อมชวนผู้เข้าร่วมงานทุกคนแต่งตัวตามธีมโดยมี Dress Code เป็นเสื้อลายขวางอีกด้วย
คุณสรรศิริ ยอดเมืองเจริญ Assistant Marketing Director และ คุณสุธีรพร ท้าวประยูร Brand Manager จากทาง SangSom ผู้อยู่เบื้องหลังงานอีเวนต์สุดปังดังกล่าวเล่าถึงแคมเปญนี้ว่า
หน้าที่ของเราคือคือบาลานซ์ความคลาสสิคของ SangSom กับสิ่งใหม่ๆ ในฐานะแบรนด์เหรียญทองระดับโลก ที่หลายคนจดจำวลีฮิตได้เป็นอย่างดี “คนไทย…ตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก” สะท้อนความตั้งใจของ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ในการผลิตเหล้ารัม โดยใช้กรรมวิธีแบบเหล้านอก หมักบ่มในถังไม้โอ๊คด้วยระยะเวลากว่า 5 ปี จนได้รับการยอมรับในระดับสากล
จากภาพความขลัง ความคลาสสิคในอดีต ได้ถูกนำมาผสานกับศิลปะในแขนงต่างๆ จนกลายเป็น SangSom ที่สร้างสีสัน มีความจี๊ดที่ตรงใจคนรุ่นใหม่ ดึงดูดให้พวกเขาเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์สร้างสรรค์ที่แตกต่าง จนเกิดเป็นแบรนด์เลิฟขึ้น”
“คาแรคเตอร์ของแบรนด์ SangSom จะมีความเป็นศิลปะสอดแทรกอยู่ในงานเสมอ ความอาร์ตความคูลนี้ ได้ถูกตอกย้ำผ่านงานสังสรรค์ปาร์ตี้ ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้วยการร่วมมือกับศิลปิน และคนทำงานศิลป์ ระดับแนวหน้าของประเทศ อย่างแพคเกจใหม่ ลิมิเต็ด อีดิชั่น ที่เราเปิดตัวมาได้ ด้วง – ดวงฤทธิ์ บุนนาค, จิ๊ป – ภาสินี คงเดชะกุล, ยูน – ปัณพัท เตชะเมธากุล และ เตย – สุทธิภา คำแย้ม ร่วมกันออกแบบแพ็กเกจใหม่ของ SangSom ขึ้นมา”
สำหรับงาน SangSom MOONOMENA ในครั้งนี้ สิ่งแรกที่เตะตาเลยก็คือ ลวดลายกราฟิกที่โดดเด่น ชักชวนให้ผู้ร่วมงานหยิบมือถือมาถ่ายรูป พร้อมกันกับการขนไลน์อัพศิลปินหลากหลายแนวเพลง ที่ตบเท้าเข้ามา สร้างปรากฏการณ์ มูน หมุ่น มุ่น มุ้น หมุน ไม่ว่าจะเป็น Paradox, Polycat, TELEx TELEXs, Twopee, URBOY TJ, Ironboy, P-HOT, POPPA, YUPP: Maiyarap x Ben Bizzy x Blacksheep, Laxyloxy x Oganic และกลุ่มดีเจ Lazer Face, Head Banger, Squad Record, Powderpuff รวมถึงศิลปิน EDM ชั้นนำระดับโลกอย่าง WUKI
ซึ่งงานทั้ง 3 วัน ก็จะแบ่งไลน์อัพของศิลปินตามแนวดนตรี ใครชอบแนวไหน ศิลปินคนใดก็ปักหมุด เคลียร์คิวกันได้ตามรสนิยม บางคนเห็นรายชื่อศิลปินที่มาร่วมงานนี่อาจจะว่าบัตรค่าเข้างานนี่ต้องแพงหลักพัน งานนี้ค่าบัตรแค่ 302 บาทเท่านั้น นอกจากจะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับเสียงดนตรีแล้ว ยังมีงานอาร์ตให้เสพให้ถ่ายรูป ตอบโจทย์คนวัยมันที่มองมองหาไลฟ์สไตล์ที่ฉีกจากกระแสหลักอีกด้วย
จากกระแสตอบรับของงาน SangSom MOONOMENA ที่ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของ SangSom รุกขยาย เข้าไปสร้างพื้นในใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และเป็นแคมเปญที่หลายคนตั้งตารอ และมีโอกาสสูง ที่ SangSom จะต่อยอดปรากฏการณ์ SangSom MOONOMENA ให้เป็นงานอีเวนต์ประจำปี แน่นอนว่าจะต้องมีแปลก แหวก มัน ผสานความอาร์ต เข้าด้วยกัน รอติดตามกันได้เลย
นอกจากงานอีเวนต์สุดมันแล้ว SangSom ในฐานะแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ยังกล้าลุกขึ้นมา ทำคลิปเพื่อสังคม พูดถึงประเด็นเรื่องการดื่มอย่างมีสติ ดื่มแต่พอดีเพราะคนไทยนั้นกินเหล้าหนักติดอันดับโลก เพื่อป้องกันไม่ให้การสังสรรค์ปาร์ตี้สังสรรค์จบลงด้วยการแสดงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็น โทรไปหาแฟนเก่า, เล่นหัวเจ้านาย ฯลฯ แคมเปญ SangSom Drink Don’t Dumb จะทำให้นักดื่มทั้งหลายได้ฉุกคิด และหันมาใส่ใจถึงความเมาของตนเอง
จากหลายแคมเปญของ SangSom ในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นภาพของแบรนด์ที่ผสาน ความคลาสสิค เข้ากับยุคสมัยได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยที่ยังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เตือนสติคนรุ่นใหม่ให้รู้จัก การดื่มแต่พอดี สนุกได้แบบมีสติ Drink Don’t Dumb อย่าดื่มจนภาพตัด ดื่มแต่พอดี ด้วยรัก จากแสงโสม