เอ็นทีที คอม ชี้ เกือบครึ่งองค์กรธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก นำร่องใช้ไฮบริดคลาวด์แบบไร้กลยุทธ์

เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น (เอ็นทีที คอม) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านไอซีทีโซลูชั่นและการสื่อสารระหว่างประเทศในเครือของเอ็นทีทีกรุ๊ป (TYO: 9432) เผยรายงานการสำรวจการใช้ไฮบริดคลาวด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ 451 Research พบว่า ร้อยละ 44 ขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเดินหน้าลงทุนและติดตั้งระบบไฮบริดคลาวด์โดยยังไม่มีการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน

ทั้งนี้ เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ ร่วมกับ บริษัท วีเอ็มแวร์ อิงค์ จัดทำรายงานการสำรวจเรื่อง “Going Hybrid: Demand for Cloud and Managed Services Across Asia-Pacific” โดยสำรวจความต้องการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์ใน 6 ประเทศเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในช่วงไตรมาสสามของปี 2561 โดยการสำรวจครอบคลุมถึงแนวทางการเลือกใช้เทคโนโลยี การเลือกผู้ให้บริการ การจัดลำดับความสำคัญของบริการ และมาตรการการวางแผนกลยุทธ์การใช้งานไฮบริดคลาวด์และการปฏิบัติตามกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ปัจจุบัน การใช้งานระบบคลาวด์แบบหลากหลายผู้ให้บริการ (Multi-Cloud) ถือเป็นบรรทัดฐานการใช้งานระบบไอทีสำหรับองค์กรทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการสำรวจพบว่า มากกว่าร้อยละ 90 ขององค์กรธุรกิจมีการใช้งานระบบคลาวด์หลากหลายแพลตฟอร์มที่ต้องมีการทำงานร่วมกัน และมากกว่าครึ่งของกลุ่มองค์กรดังกล่าวมีการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์แล้ว อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังพบว่า องค์กรธุรกิจถึงร้อยละ 44 มีการนำร่องติดตั้งระบบไฮบริดคลาวด์ แต่กลับไม่มีการวางกลยุทธ์หรือแผนการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์ที่ครอบคลุมและชัดเจน

“ผลการสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงสัดส่วนที่น่าตกใจขององค์กรธุรกิจจำนวนมากที่ยังขาดการวางแผนกลยุทธ์ในการใช้ไฮบริดคลาวด์ที่ชัดเจน แม้ว่าองค์กรเหล่านี้จะมองเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์แล้วก็ตาม แต่ยังประเมินและมองเรื่องความซับซ้อนทางเทคนิคต่ำเกินไป ซึ่งอาจทำให้การปรับตัวเข้าสู่องค์กรรูปแบบใหม่ไม่สามารถไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ หากองค์กรยังไม่มีการวางแผนงานและกลยุทธ์ที่ชัดเจน”  นายเดฟ สก็อต ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชั่น จาก NTT Communications Managed Services กล่าว

3 ทางเลือกเพื่อปรับสู่ระบบไฮบริดคลาวด์ : cloud-first / lift-and-shift / refactor-and-shift

องค์กรธุรกิจปัจจุบันตื่นตัวและมองว่าระบบคลาวด์เป็นปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนองค์กรยุคใหม่ และไฮบริดคลาวด์ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปการทำธุรกิจ (Business Transformation)  ซึ่งการสำรวจพบว่า เมื่อมีการใช้งานระบบคลาวด์สาธารณะ มากกว่าครึ่งขององค์กรธุรกิจให้ความสำคัญกับการโอนย้ายและเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและปริมาณงานภายในเป็นอันดับแรก(cloud first) แต่กระนั้นยังไม่มีแนวทางชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงหรือโอนย้ายไปสู่ระบบคลาวด์อื่น โดยร้อยละ 28 มุ่งเน้นวิธีการยกระดับและปรับเปลี่ยน (lift-and-shift) และอีกร้อยละ 28 เน้นทำการปรับโครงสร้างใหม่ (refactor) ก่อนการโอนย้ายเข้าสู่ระบบใหม่ ขณะที่อีกร้อยละ 44 มุ่งเน้นการใช้งานระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ

ในด้านการวางแผนการใช้งานแบบไฮบริด ธุรกิจต่างๆ ยังมีรูปแบบการวางแผนในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่า ในอีกสองปีข้างหน้า ปริมาณงานทางด้านลูกค้าสัมพันธ์(CRM) การขายและการตลาด (Sales and Marketing) งานด้านฐานข้อมูลและคลังข้อมูล(Database and Data Warehousing) และงานด้านการเก็บข้อมูล (File and Content Storage) จะเป็นปริมาณงานหลักที่จะโอนย้ายเข้าสู่ระบบไฮบริดคลาวด์ โดยมีสัดส่วนปริมาณงานที่จะเข้าสู่ระบบไฮบริดคลาวด์ โดยงานทางด้านลูกค้าสัมพันธ์ การขายและการตลาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25  เป็นร้อยละ 49 สำหรับงานด้านฐานข้อมูลและคลังข้อมูลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 48 ในขณะเดียวกันงานด้านการเก็บข้อมูลเพิ่มจากร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 47 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ให้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นขององค์กรธุรกิจในการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์เพื่อรองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นและตอบสนองความต้องการทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ

Managed Services : เน้นช่วยองค์กรวางแผนกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์

การรักษาความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาในการปรับเข้าสู่การใช้งานระบบไฮบริดคลาวด์ ซึ่งร้อยละ 95 ขององค์กรธุรกิจมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและมีความต้องการเป็นอันดับต้นๆ ขณะที่เกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามชี้ชัดว่า การปรับปรุงนโยบายและแผนงานด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอในระบบงานต่างๆ และการจัดการความเสี่ยงที่ดีขึ้นเป็นความท้าทายที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรธุรกิจมีการใช้งานระบบคลาวด์ที่มีความหลากหลาย

องค์กรที่เริ่มดำเนินกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์ต้องมั่นใจว่า ได้มีการสร้างระบบการรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การออกแบบและการใช้งานระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบไฮบริดคลาวด์เป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นงานที่อยู่นอกขีดความสามารถของทีมรักษาความปลอดภัยขององค์กร และมากกว่าร้อยละ 50 ชี้ชัดว่าการใช้บริการด้านการบริหารจัดการ (Managed Services) เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ระบบคลาวด์ที่เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

นอกเหนือจากเรื่องการรักษาความปลอดภัย องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับแนวทางการใช้บริการจากผู้ให้บริการ (Managed Service Provider) ที่ให้บริการตั้งแต่การออกแบบเริ่มต้น การวางระบบไฮบริดคลาวด์ รวมถึงการดูแลระบบงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรในการใช้ระบบคลาวด์ที่มีความหลากหลายให้เกิดการผสมผสานของประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ มีความพร้อมในใช้งาน มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และต้นทุนที่มีความสมเหตุสมผล

“การให้บริการ การบริหารจัดการที่ครบวงจร รวมถึงการจัดการความปลอดภัยที่มีความพร้อมตลอดเวลา ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพิสูจน์เส้นทางการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต” นายสก็อตกล่าว

การปรับเข้าสู่ระบบไฮบริดคลาวด์ แต่ละองค์กรจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันไป นับตั้งแต่การออกแบบ การติดตั้ง การดำเนินการและการใช้งานระบบ ฉะนั้น Global Management One (GMOne) Managed Services ภายใต้เอ็นทีที คอม จึงได้นำเสนอโซลูชั่นไอทีที่ชาญฉลาด น่าเชื่อถือและปลอดภัยผ่านการบริการจัดการที่มีประสิทธิภาพครบวงจร ซึ่งองค์กรธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานของเอ็นทีที คอม ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูลที่ได้มาตรฐานสากล และบริการคลาวด์ระดับโลก ด้วยสัญญาและข้อตกลงระดับบริการ (Service-level Agreement : SLA) เพียงสัญญาเดียว

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะการใช้ระบบคลาวด์แบบไฮบริดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.hybridcloud-apac.com/get-whitepaper/

เกี่ยวกับรายงานการสำรวจ

451 Research ได้ดำเนินการศึกษาและสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที จำนวน 464 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2651 โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานระหว่าง 1,000-100,000+ คน และมากกว่า 3 ใน 4 มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ผลของการศึกษาของรายงานฉบับนี้ ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวางแผนและการจัดการระบบไฮบริดคลาวด์ ปัจจัยขับเคลื่อนและฉุกดรั้งการเติบโต รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้แพลตฟอร์ม เครื่องมือ เทคโนโลยี และบริการด้านการจัดการทั้งในปัจจุบันและในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์

เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ มีบทบาทในการช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านเทคโนโลยีของโลก โดยช่วยให้องค์กรต่างๆ เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในการใช้ระบบไอซีทีด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทได้ให้บริการโซลูชั่นเหล่านี้บนโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทที่มีศูนย์บริการอยู่ทั่วโลก รวมถึงระบบเครือข่ายทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัวในระดับ Tier-1 ซึ่งเป็นระดับชั้นนำของโลก ครอบคลุมมากกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาค และศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่กว่า 400,000 ตารางเมตรที่มีความทันสมัย มีทีมงานมืออาชีพระดับโลกที่คอยให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการวางสถาปัตยกรรมเพื่อให้ช่วยสร้างระบบที่มีความความยืดหยุ่นและปลอดภัย เพื่อนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ

บริษัทในกลุ่มเอ็นทีที ประกอบด้วย NTT Communications, NTT DATA, NTT DOCOMO, NTT Security, และ Dimension Data

ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.th.ntt.com | Facebook@NTTComThailand | LinkedIn@NTTComThailand

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.eu.ntt.com/en/about-us/press-releases/news/article/new-research-reveals-how-hybrid-cloud-is-really-being-implemente.html